วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐหรือที่เรียกว่า ITA (Integrity and Transparency Assessment) ประจำปีงบประมาณ 2563 เป็นที่น่าเสียใจครับว่าคะแนนเฉลี่ยโดยรวมของหน่วยงานราชการไทยอยู่ในระดับ C มีคะแนนเพียงแค่ 67.90 คะแนน ซึ่งถือว่ายังไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าต้องได้คะแนนมากกว่า 80 คะแนนขึ้นไป โดยเมื่อไปดูในรายละเอียดของการประเมินแล้วพบว่า ระดับของการป้องกันการทุจริตมีคะแนนแค่ 36.29 คะแนน และการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐมีคะแนนอยู่เพียง 53.12 คะแนนเท่านั้นซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก
แต่ถึงแม้ภาพรวมคะแนนระดับประเทศจะยังไม่สามารถผ่านเกณฑ์ที่น่าพอใจได้ และภาพรวมคะแนนในการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐจะผ่านเกินครึ่งมาเพียงนิดเดียว แต่ก็ต้องขอชื่นชมหน่วยงานภาครัฐหลายๆหน่วยงานที่สามารถทำคะแนนตัวชี้วัดเรื่องการเปิดเผยข้อมูลรายหน่วยงานได้เต็ม 100 คะแนน เช่น กรุงเทพมหานคร องค์การบริหารส่วนตำบลหนองคล้า องค์การบริหารส่วนตำบลวังหามแห จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น (สามารถเข้าดูรายละเอียดการประเมิน ITA ได้ที่ https://itas.nacc.go.th) และจะเป็นโอกาสอันดีหากหน่วยงานเหล่านี้ได้มีการถอดบทเรียนการทำงาน เพื่อให้เป็นแนวทางต่อหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆสำหรับการประเมินปีถัดไป และยังเป็นผลดีต่อการทำงานร่วมกับประชาชนในพื้นที่อีกด้วย
วิธีการหนึ่งในการเพิ่มคะแนน ITA แบบตรงไปตรงมาคงหนีไม่พ้น การที่ภาครัฐ และหน่วยงานราชการไทยควรให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูล (Open Data) ให้ประชาชนสามารถเข้าถึง และนำข้อมูลไปใช้ต่อได้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยไม่ต้องรอให้ประชาชนมาเป็นผู้ขอข้อมูล หรือตัดสินใจแทนประชาชนว่าข้อมูลไหนที่ประชาชนควรจะรับรู้หรือไม่ควรจะรับรู้ อาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐเองยังมีความเชื่อที่ว่าผู้ที่มีข้อมูลในมือคือผู้ที่มีพลังอำนาจจึงไม่อยากเสียอำนาจนั้นไป
แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกข้อมูลที่หน่วยงานราชการถืออยู่ (ยกเว้นข้อมูลที่เป็นความลับ เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคงของประเทศ และข้อมูลส่วนบุคคล) ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่ ประชาชน “ต้อง” รับรู้รับทราบ เพราะเป็นข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งโดยทางตรง และทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเงินภาษี หรือการกำหนดนโยบายสาธารณะ และเมื่อประชาชนเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้แล้ว ก็จะเป็นการช่วยเพิ่ม “ตา” ในการตรวจสอบติดตาม และช่วยส่งเสริมการทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ และโปร่งใสมากขึ้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการเปิดเผยข้อมูลให้เป็นสาธารณะจะยิ่งเป็นการสร้างพลังให้กับเจ้าของข้อมูล เพราะจะเป็นการเชื่อมโยง
และเปิดโอกาสให้ทั้งหน่วยงานภาครัฐด้วยกันเองภาคเอกชน นักวิชาการด้านต่างๆ และประชาชนทุกคนสามารถเข้ามาร่วมพัฒนาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ สร้างนโยบายและโครงการที่เหมาะสมกับคนในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศโดยไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วข้อมูลภาครัฐควรจะเรียกว่าเป็นข้อมูลสาธารณะมากกว่า
ในต่างประเทศมีแนวคิดเรื่องการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐว่า “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิดเป็นข้อยกเว้น” (open by default, close by exception) หมายความว่า กฎหมายหรือระเบียบของภาครัฐควรจะกำหนดให้ภาครัฐ ต้องเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่ต้น และหากต้องการจะปกปิดข้อมูลใดไม่ให้ประชาชนเข้าถึงได้ จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดชุดข้อมูลที่จะปกปิดไว้อย่างชัดเจน เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ เป็นต้น ในทางหนึ่งก็จะเป็นการลดการใช้“ดุลยพินิจ” ของเจ้าหน้าที่ในการตัดสินใจว่าจะเปิดข้อมูลหรือไม่
มากไปกว่าการเปิดเผยข้อมูล คือการจัดทำข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐให้มีมาตรฐาน ซึ่งในปัจจุบันมีการกำหนดมาตรฐานเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน เพื่อลดปัญหาความซ้ำซ้อนของข้อมูล สร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูล และเพิ่มคุณภาพของข้อมูลเพื่อทำให้ผู้ที่ต้องการนำข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐไปใช้งานต่อ ทั้งหน่วยงานภาครัฐเองและประชาชนสามารถใช้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และสร้างประโยชน์ได้จริง จึงได้มีประกาศคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เรื่องการกำหนดธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ลงในราชกิจจานุเบกษาแล้วว่า ต้องมีการกำหนดมาตรฐาน มีการควบคุม และพัฒนาคุณภาพของข้อมูล ให้ข้อมูลภาครัฐมีความถูกต้องครบถ้วน เป็นปัจจุบัน รวมทั้งตัวข้อมูลต้องสามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยน และบูรณาการใช้ประโยชน์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องมีการจำแนกหมวดหมู่ของข้อมูลให้มีความชัดเจน มีคำอธิบายชุดข้อมูลดิจิทัลของภาครัฐ และมีบัญชีข้อมูลที่มีความถูกต้องครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
หากหน่วยงานภาครัฐทำตามมาตรฐานที่มีการกำหนดไว้ นอกจากจะมีส่วนช่วยภาครัฐเองในเรื่องของการจัดการข้อมูลแล้ว ยิ่งทำให้สะดวกต่อการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงได้ เพราะเพียงแค่หน่วยงาน Upload ข้อมูลต่างๆ ที่ได้มาตรฐานขึ้นบนเว็บไซต์ ก็จะเป็นการลดภาระของประชาชนในการต้องเขียนใบคำร้องเพื่อไปยื่นขอข้อมูลยังหน่วยงานนั้นๆ ดีกว่าการที่หน่วยงานพิมพ์ข้อมูลทุกอย่างลงกระดาษ และติดไว้ที่กระดานประชาสัมพันธ์บนชั้น 5 ของหน่วยงานในพื้นที่ที่ประชาชนจะต้องแลกบัตรอีกสามสี่ขั้นกว่าจะเข้าไปได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเปิดหรือไม่ก็คงมีค่าเท่ากัน
ณัฐภัทร เนียวกุล

‘คุณน้ำผึ้ง’เที่ยวเจาะลึก Unseen สามพันโบก
‘หนุ่ม-แท่ง’ พาทัวร์ ‘วัดสารนารถธรรมาราม’ สักการะคุณแม่บุญเรือน อร่อยกับอาหารทะเล จ.ระยอง
‘ลุค อิชิคาว่า’ นำทีมนักแสดง ‘Rock and Soul จังหวะร็อก ปาฏิหาริย์รัก’ เปิดคาแรกเตอร์ในจอ สู่ตัวจริงนอกจอ
‘มิตรรัก ทั่วไทย’ พาเที่ยวเมืองโอ่งมังกร จ.ราชบุรี
'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี