nn คงเพราะควันหลงจากนโยบายไม้หลักปักเลน ของ กสทช.หรือสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ...เรื่องการบังคับใช้ประกาศ กสทช.ว่าด้วยการแพร่ภาพผ่านโครงข่าย (Must carry)…..จากกรณีการบังคับใช้ประกาศ กสทช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การแพร่ภาพผ่านรายการโทรทัศน์ที่ให้บริการภาคพื้นแบบไม่มีโครงข่าย เพราะประกาศ Must carry…“เจ้าปัญหา”...ซึ่งแรกเริ่มเดิมที กสทช.ออกมาก็เพื่อ “แก้ลำ” จากที่ในอดีตเคยถูกบริษัทเอกชนที่ถือลิขสิทธิ์ถ่ายอีเว้นท์ใหญ่“ลูบคม”เพราะไม่สามารถจะส่งให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ยินยอมให้นำรายการฟรีทีวีปกติไปแพร่ภาพบนแพลตฟอร์มทีวีแบบบอกรับสมาชิก หรือเคเบิลทีวีได้ จึงวางหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์เพื่อให้บริการโครงข่ายที่ไม่ใช่คลื่นความถี่ มีหน้าที่แพร่ภาพรายการให้สมาชิกได้รับบริการรายการโทรทัศน์เป็นการทั่วไปด้วย…แต่วันดีคืนดีกลางปี’61 ที่ผ่านมา บิ๊ก กสทช. กลับดอดไปอุ้มชูผู้ให้บริการเคเบิลแบบบอกรับสมาชิกบางรายด้วยการ “หักดิบ” ประกาศของตนเอง บังคับให้ผู้ให้บริการแพร่ภาพรายการโทรทัศน์ที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ที่มีหน้าที่ต้องดำเนินการออกอากาศรายการสำคัญๆ....ต้องระงับการถ่ายทอดหรือ “จอดำ” จนทำเอาเกิดรายการร้องแรกแหกกระเชอ ทำเอา กสทช.เกือบงานเข้ามาแล้ว
วันนี้ควันหลงจากมหกรรมมั่วตุ้มบังคับใช้ประกาศ “มัสต์แคร์รี่” ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ของกสทช.กำลังจะทำเอา กสทช.และผู้ให้บริการรายการแพร่ภาพโทรทัศน์ผ่านโครงข่ายที่ไม่ใช้คลื่นอาจต้องงานเข้าอีกหน….เมื่อล่าสุดผู้บริหาร PPTV ออกโรงให้ กสทช.หาทางบังคับให้ AIS Play ถอดรายการ The Voice ที่ออกอากาศบนช่อง PPTV และมีการเกี่ยวสัญญาณไปยังลูกค้า AIS Play ตามหลักเกณฑ์มัสต์แคร์รี่ที่วันนี้คงทะลักเกิน 4 ล้านคนออกไป...โดยระบุว่าเป็นรายการลิขสิทธิ์ที่ไม่สามารถจะให้ใครนำไปออกอากาศซ้ำได้
โดย นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัทบางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด เจ้าของช่องพีพีทีวี 36 เผยว่า จะเข้าหารือกับสำนักงาน กสทช.หลังจากที่บริษัทได้ทำหนังสือถึง กสทช.ขอให้ช่วยจัดการให้บริษัท ไมโม่เทค จำกัด ในเครือบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น เอไอเอส เพลย์ (AIS Play) ยุติการออกอากาศรายการเดอะวอยซ์ The Voice 2018 ซึ่งพีพีทีวีได้ซื้อลิขสิทธิ์มาออกอากาศตั้งแต่เดือนพ.ย. 2561 แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
ทั้งนี้ประเด็นเข้าหารือกับกสทช.นั้น จะเป็นการอธิบายให้เข้าใจว่าภายใต้ประกาศกสทช.เรื่องหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (ประกาศ Must Carry) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมรายการโทรทัศน์ที่มีการออกอากาศทั่วไป (Free TV) ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่องนั้น ควรมีข้อยกเว้น เนื่องจากบางรายการเป็นรายการลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ ส่วนจะเลยไปถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเจ้าของลิขสิทธิ์คือ Talpa Globle B.V …. ส่วน พีพีทีวี ในฐานะผู้บริหารจัดการสิทธิในประเทศไทย มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ให้เท่านั้น...
ไม่ว่าบทสรุปของการร้องให้ กสทช.ต้องหาทางระงับการแพร่ภาพรายการโทรทัศน์เป็นการทั่วไปของผู้ให้บริการแพร่ภาพรายการโทรทัศน์แบบไม่ใช้คลื่นความถี่ หรือให้บริการบนแอพพลิเคชั่นจะออกมาอย่างไร....แต่มันได้สะท้อนให้เห็นผลพวงการบังคับใช้หลักเกณฑ์ตนเองแบบไม้หลักปักเลนโดยตรง ก็เหมือนกรณีที่ไปตีความว่าการให้บริการ FB Life อะไรๆ ก็เซลฟี่ๆ และมีการถ่ายทอดไปให้สาธารณะได้ดูชมนั้น ถือเป็นบริการ OTT ที่เข้าข่ายจะต้องดำเนินการควบคุมและถือเป็นสื่อที่ กสทช.จะต้องเข้ามาควบคุมดูแล...
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี