นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เปิดเผยว่าในวันที่ 26 เม.ย.นี้ ทางสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ ประมาณไม่เกิน 50 คน จะขับรถแท็กซี่ไปที่กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือถึงนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เรื่องขอคัดค้านการเสนอร่างกฎกระทรวง
ว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ... ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบในหลักการร่างดังกล่าวในเร็วๆ นี้
โดยร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ กำหนดให้สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาขึ้นทะเบียนเป็นรถสาธารณะให้บริการผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชันอย่างถูกกฎหมายกับกรมการขนส่งทางบกได้ โดยการยื่นคัดค้านดังกล่าวเนื่องจากมองว่าขณะนี้ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่มีอยู่ประมาณ 120,000 คันทั่วประเทศ กำลังประสบผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระบาดระลอก 3 ในหลายพื้นที่ ทำให้ไม่มีผู้โดยสารและไม่มีรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว จนทำให้เหลือผู้ประกอบการรถแท็กซี่ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ และยังพยุงกิจการไปได้ ประมาณ 30,000-40,000 คัน หรือคิดเป็น30% เท่านั้น ส่วนอีก 80,000-90,000 คันหรือ 70% ได้จอดรถแท็กซี่ไว้ แล้วไปหาอาชีพอื่นทำ เพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว
ทั้งนี้การผลักดันร่างฯ ดังกล่าว เพื่อให้มีผลบังคับใช้รวดเร็วนั้น ทำให้เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการแท็กซี่รายเดิมที่อยู่ในระบบอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งวันนี้การประกอบการก็ลำบากอยู่แล้วและการเข้ามายื่นครั้งนี้ เพื่ออยากจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออก
ในการดำเนินการดังกล่าวร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ ยังมีกลุ่มแท็กซี่ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงต่างจังหวัดที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมาก เช่น แท็กซี่ จ.ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา เชียงราย เชียงใหม่ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะรวมตัวกันขับเคลื่อนไปยื่นหนังสือคัดค้านเรื่องดังกล่าว ที่สำนักงานขนส่ง
จังหวัดนั้นๆ ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี