กรมขนส่งฯเรียกนายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างฯเข้าชี้แจงกรณีกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ใช่บุคลากรด่านหน้าภาคการขนส่งสาธารณะสวมเสื้อวินฉีดวัคซีน ยอมรับเกิดความเข้าใจผิด ให้คำมั่นจะไม่ให้เกิดซ้ำ
11 มิถุนายน 2564 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อสั่งการของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีพบกลุ่มบุคคลซึ่งไม่ใช่บุคลากรด่านหน้าภาคการขนส่งสาธารณะ แต่สวมเสื้อวินรถจักรยานยนต์สาธารณะเพื่อจะเข้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แต่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิเสธการให้บริการเนื่องจากไม่พบประวัติการลงทะเบียน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ‘ศักดิ์สยาม’สั่งฟันพวกฉวยโอกาส สวมเสื้อวินจยย.ฉีดวัคซีน) ว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน พยานบุคคล พบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวเดินทางมาพร้อมกับสมาชิกผู้ขับรถแต่ละวิน ซึ่งเป็นสมาชิกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย นำโดยนายกสมาคมฯ และเลขาธิการสมาคมฯ กรมการขนส่งทางบกจึงได้เชิญนายเฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายเฉลิม ยอมรับว่าบุคคลดังกล่าวเป็นภรรยา ลูก และบุคคลใกล้ชิดของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่เดินทางมากับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ได้รับสิทธิเข้ารับการฉีดวัคซีนจากการลงทะเบียนผ่านหัวหน้าวินและสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ซึ่งเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของสมาชิก ทำให้เข้าใจผิดว่าสามารถนำบุคคลใกล้ชิดซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับผู้ขับขี่เข้ารับการฉีดวัคซีนได้โดยสวมเสื้อวินของผู้ขับขี่
นายจิรุตม์ ระบุว่า ทางสมาคมฯ รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ทำหนังสือยื่นต่อกรมการขนส่งทางบก ผ่านไปยังนายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการบริหารศูนย์ฉีดวัคซีนโควิดกลางบางซื่อ แสดงความขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและให้คำมั่นว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก โดยกรมการขนส่งทางบกได้รายงานต่อรองปลัดกระทรวงคมนาคมเพื่อทราบข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ติดใจเอาความ เนื่องจากสมาคมฯ ได้แสดงความรู้สึกเสียใจและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด แต่ขอให้เน้นย้ำสมาคมฯ ให้กำกับดูแลสมาชิกให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก สำหรับผู้ต้องการฉีดวัคซีนให้ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ ที่รัฐบาลได้เตรียมไว้ให้ถูกต้อง
ในส่วนของแนวปฏิบัติในการเข้ารับการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ตามเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องการดูแลบุคลากรด่านหน้าในระบบขนส่งสาธารณะเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้แก่ประชาชน โดยได้ให้กรมการขนส่งทางบกเป็นหน่วยงานกลางในการรับลงทะเบียนแจ้งความจำนงจากผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะทุกประเภท ผ่านผู้ประกอบการขนส่ง หัวหน้าวิน สหกรณ์ นิติบุคคล หรือสมาคมที่สังกัดอยู่ หรือลงทะเบียนโดยตรงกับกรมการขนส่งทางบกทั้งช่องทางออนไลน์และการเดินทางมาลงทะเบียนด้วยตนเอง โดยรายชื่อผู้ลงทะเบียนทั้งหมดจะถูกตรวจสอบเพื่อตรวจสอบยืนยันการเป็นผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะ ก่อนส่งให้กระทรวงคมนาคมเพื่อส่งให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ตามลำดับ โดยผู้ได้รับสิทธิฉีดวัคซีนจะได้รับข้อความ SMS ภายใน 2-3 วันหลังจากลงทะเบียน เพื่อแจ้งวันที่และเวลาในการเข้ารับการฉีดวัคซีน และในวันเข้ารับการฉีดวัคซีนจะต้องแสดงใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ และต้องแต่งกายด้วยชุดที่ใช้ในการประกอบอาชีพให้บริการรถโดยสารสาธารณะแต่ละประเภท เพื่อให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและให้เข้ารับบริการได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับปัจจุบันศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกให้แก่บุคลากรด่านหน้าในระบบขนส่งสาธารณะทั้งทางบก น้ำ ราง อากาศแล้วกว่า 100,000 ราย ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ขยายระยะเวลาการลงทะเบียนบุคลากรด่านหน้าในระบบขนส่งสาธารณะที่ต้องการเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อไปอีกจนถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2564 โดยจะให้บริการเฉพาะผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้าและได้รับข้อความ SMS แจ้งวันที่และเวลาตามการจัดสรรวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี