นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึง “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม ปี 2565” ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นมาซึ่งผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์โควิดในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นและมีการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ให้ธุรกิจเริ่มเปิดดำเนินการได้เป็นปกติตลอดจนการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้สะดวกมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 40.0 43.6 และ 54.8 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกันยายน ที่อยู่ในระดับ 38.6 41.9 และ 53.3 ตามลำดับ แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวขึ้น
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำและรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันและค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนยังคงกังวลในสถานการณ์โควิดในประเทศไทยและทั่วโลกที่ยังคงมีอยู่แม้ว่าจะคลายตัวลงก็ตาม ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูงการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
“ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการที่ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย”
อย่างไรก็ตามศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมองว่า โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้ว แม้จะมีหลายปัจจัยที่ยังกังวลอยู่บ้าง ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือปีนี้เศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 3.3-3.5 และคาดว่าหลังจากทั่วโลกรวมถึงไทยมีการเปิดประเทศกันมากขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี’66 จะโตอยู่ที่ร้อยละ 3.5-4 ซึ่งจะเป็นตัวเลขเติบโตเท่ากับช่วงก่อนโควิดได้แน่นอน
ขณะเดียวกัน ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ราคาและปริมาณสินค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งตลาดสด ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ห้างท้องถิ่น ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจตลาด ณ ห้างบิ๊กซี สาขาอ่อนนุช และตลาดอ่อนนุชเฟรชมาร์ท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พบว่า สินค้าอาหารสด เช่น หมูเนื้อแดง ไก่สด ไข่ไก่ มีแนวโน้มราคาที่ปรับลดลง ส่วนผักสด โดยเฉพาะผักประเภทใบ เช่น ผักบุ้งจีน ผักคะน้า กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ราคาได้ปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเฉลี่ยเดือนที่แล้ว เนื่องจากผลผลิตรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมได้คลี่คลายลง
สินค้าอาหารปรุงสำเร็จที่จำหน่ายในบริเวณตลาดอ่อนนุชเฟรชมาร์ทราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท เช่น ข้าวกะเพราหมู/ไก่ ข้าวผัด ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ผัดไทย และกับข้าวถุงซึ่งถือเป็นทางเลือกที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย สำหรับสินค้าอุปโภค-บริโภค ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ส่วนตัว ของใช้ในบ้าน เครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้า ห้างให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายในจัดโปรโมชั่นลดราคาอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าที่เริ่มขายดีขึ้นในช่วงนี้เป็นพวกของขวัญ ของจับสลาก และอุปกรณ์ที่ใช้ในการท่องเที่ยวแนวแคมป์ปิ้ง ซึ่งก็มีการจัดโปรโมชั่นลดราคา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการซื้อเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี