nn บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (SovereignCredit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย(Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ(Stable Outlook) ...เหตุผลสนับสนุนคือ...การคลี่คลายของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของไทยที่ทำเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการฟื้นตัวของภาค การท่องเที่ยวและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย....ภาคการคลังมีเสถียรภาพ จากการลดการใช้จ่ายภาคการคลังตามสถานการณ์การระบาด ที่คลี่คลาย รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น...ภาคการเงินต่างประเทศที่แข็งแกร่ง
แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังมีปัจจัยสำคัญที่ S&P จะติดตามอย่างใกล้ชิดคือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศท่ามกลางสถานการณ์การเงินโลกและเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งพอมาถึงตรงประเด็นของ“การเมือง”ก็ทำให้นึกถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามา...และก็จะได้เห็น...นโยบายต่างๆของแต่ละพรรคการเมืองที่จะออกมาโชว์เพื่อเรียกคะแนนเสียง...รวมทั้งนโยบายที่กำลังจะออกมาในช่วงปลายรัฐบาลนี้...ซึ่งไม่พ้นคำว่า“แจก แจก แล้วก็..แจก”
ถึงตรงนี้ก็เลยให้คิดถึงคำเตือนของ...ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย...ที่ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงประเด็นที่จะส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้านี้...นั่นคือ ความผิดเพี้ยนของตลาด หรือ “Market Dysfunction” ซึ่ง ดร.เศรษฐพุฒิ...บอกว่า คนยังพูดถึงเรื่องนี้น้อยมาก แต่มีความสำคัญ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ต่างกับสุภาษิตที่ว่า “น้ำลดตอผุด” ซึ่งที่ผ่านมาทั่วโลกดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ กดดอกเบี้ยไว้ระดับต่ำ เมื่อถึงจุดหนึ่งปัญหาต่างๆ ก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น
ผู้ว่าการแบงก์ชาติ บอกว่า มันเหมือนกับดักระเบิดที่ อาจเกิดขึ้นในจุดไหนก็ได้ และความเสี่ยงจึงมีสูงมากกว่าปกติ และย้ำว่า ปีหน้ากับระเบิดลักษณะนี้ยังมีอยู่เยอะ ที่น่ากลัวคือไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนบ้าง จึงอยากเตือนให้ทำใจเตรียมรับมือกับข่าวไม่ดี ซึ่งอาจจะทำให้ หุ้นตก ต่างชาติขนเงินกลับ ค่าเงินอ่อนลง...แม้ว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังพอจะมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้าง และเศรษฐกิจไทยในปีหน้ายังคง Takeoff อยู่ เพียงแต่จะไม่ Smooth เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 ปัจจัยที่ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ให้ความเป็นห่วง คือ 1.ปัญหา Geopolitics หรือความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาวอย่างแน่นอน 2. คือ การดำเนินนโยบายแปลกๆ ของภาครัฐ ซึ่งช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆเริ่มหาเสียง และก็เริ่มเห็นการเสนอนโยบายที่อาจบ่อนทำลายเศรษฐกิจระยะยาว เช่น การพักหนี้ต่างๆ โดยผู้ว่าการแบงก์ชาติ ย้ำเตือนว่า อยากให้ดูบทเรียนในต่างประเทศเป็นตัวอย่างเช่น ในอังกฤษชัดเจนมากเพราะเห็นได้ชัดว่า“ตลาดจะ Punish stupidpolicy” นี่คือประเด็นสำคัญของผู้ว่าการแบงก์ชาติที่อยากสื่อให้สาธารณชนรับรู้ และเตรียมตัวรับมือ...nn
พงษ์พันธุ์