นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าปราบปรามธุรกิจต่างชาติแอบแฝง และสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานคุณภาพอย่างจริงจัง โดยตนได้ลงนามแต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหาธุรกิจนอมินีและสินค้าด้อยคุณภาพที่กระทบต่อผู้ประกอบการไทย หลังเผยผลสำเร็จดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายแล้ว 24,626 คดี เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) พุ่ง 1,500 ล้านบาท ทำให้การนำเข้าสินค้าออนไลน์ลดเฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท กวาดล้างธุรกิจนอมินี 851 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,121 ล้านบาท
ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และการแก้ปัญหาธุรกิจนอมินี ที่ทำให้ผู้ประกอบการ SME ของไทยเสียเปรียบ ที่ผ่านมาตนได้ตั้งคณะอนุกรรมการฯขึ้นมา 2 ชุด เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการส่งเสริมและยกระดับ SMEs ไทยและแก้ไขปัญหาสินค้าที่ไม่มีคุณภาพจากต่างประเทศ และ 2.คณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (Nominee) โดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานอนุกรรมการฯ
คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่ลงนามแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี มีผลงานเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมากรมศุลกากรสามารถจัดเก็บ VAT จากสินค้านำเข้าราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ได้สูงถึง 1,500 ล้านบาท และดำเนินคดีสินค้าผิดกฎหมายไปแล้ว 24,626 คดี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 1,257.24 ล้านบาท สามารถลดการนำเข้าสินค้าผ่าน e-Commerce ลง 8% หรือเฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท และสามารถกวาดล้างธุรกิจนอมินีไปแล้ว 851 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 15,121 ล้านบาท
สำหรับคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นครั้งนี้ มีร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมด้วยผู้แทนจาก 16 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมศุลกากร กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยคณะทำงานนี้จะมีหน้าที่กำกับดูแล เร่งรัด และติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตาม กฎหมาย พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการสืบสวน สอบสวน และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
โดยการดำเนินงานจะมีการบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายในทุกมิติ ตั้งแต่การตรวจสอบ สืบสวน ดำเนินคดี ยึดอายัดทรัพย์สิน ไปจนถึงมาตรการทางภาษี เพื่อให้สามารถทำลายวงจรธุรกิจผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 5 ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ 1.ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวข้อง 2.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการให้เช่าที่ดิน 3.ธุรกิจขนส่งทางบก 4.ธุรกิจโกดังสินค้าและโลจิสติกส์ และ 5.ธุรกิจซื้อที่ดินเพื่อการเกษตร ซึ่งมีรายงานว่ากำลังมีการขยายตัวของธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นนอมินีในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออก เช่น ระยอง และจันทบุรี ที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพื่อปลูกทุเรียนเพื่อนำส่งออกต่างประเทศ
“การปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายและสินค้าด้อยคุณภาพถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทยเข้มแข็งขึ้น แต่ยังช่วยให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบการ SME ของไทย พร้อมยืนยันว่าการดำเนินงานครั้งนี้จะเป็นมาตรการที่ต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้น โดยหวังว่าจะสามารถจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในระยะยาว”นายพิชัย กล่าว
-033
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี