ราคาตลาดโลกเพิ่มดันส่งออกทองคำพุ่ง144.03%

ราคาตลาดโลกเพิ่มดันส่งออกทองคำพุ่ง144.03%

วันพฤหัสบดี ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายสุเมธ  ประสงค์พงษ์ชัย  ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ(องค์การมหาชน)หรือ GIT เปิดเผยว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ เดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่า 816.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 21.03% ขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง 10 เดือนติดต่อกันหากรวมทองคำมูลค่า 1,927.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70.60% และการส่งออกรวม 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม) ไม่รวมทองคำ มูลค่า 9,002.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.89% รวมทองคำ มูลค่า 17,736.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70.07%

การส่งออกเฉพาะทองคำในเดือน เดือนสิงหาคม 2568 มีมูลค่า 1,111 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 144.03% จากราคาตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นหลังปรับตัวลดลงเมื่อเดือนกรกฎาคม2568 เพราะสหรัฐฯ จำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงและ


เซมิคอนดักเตอร์ไปสหภาพยุโรป และการสนับสนุนทางทหารต่อยูเครนรอบใหม่ ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3,363 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ยอดรวมส่งออกทองคำ 8 เดือนมีมูลค่า 8,733.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 87.67%               

ตลาดส่งออกสำคัญ สหรัฐฯ ยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น 7.91% แต่เริ่มชะลอตัวลง จากที่เร่งนำเข้าก่อนหน้านี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการภาษี ฮ่องกง เพิ่ม 2.52% เยอรมนี เพิ่ม 10.40% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 39.11% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 33.26% ญี่ปุ่น เพิ่ม 26.60% ส่วนอิตาลี ลด 0.45% สวิตเซอร์แลนด์ ลด 5.70% เบลเยี่ยม ลด 21.65%

การส่งออกสินค้าแพลทินัม เพิ่ม 53,932.81% จากการส่งออกไปอินเดียเกือบทั้งหมด เมื่อช่วง 3 เดือนแรกปี 2568 แต่หลังจากนั้นไม่มีการส่งออกเพราะอินเดียควบคุมโลหะแพลทินัม เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 46.14% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 11.54% เครื่องประดับแพลทินัม เพิ่ม 59.61% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 7.13% ส่วนเพชรเจียระไน ลด 27.85% พลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ลด 12.18% 

นายสุเมธกล่าวว่าการส่งออกในช่วง 8 เดือนของปี 2568  พบว่าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับยังเติบโตได้จากการเพิ่มคำสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าในช่วงก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯจะเริ่มมีผลบังคับใช้และเมื่อเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่7 สิงหาคม2568 ทำให้การส่งออกเริ่มชะลอตัวลง แต่ด้วยความที่อัตราภาษีของไทยกับคู่แข่งในอาเซียนใกล้เคียงกันทำให้ไม่เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบสินค้าของไทยยังคงแข่งขันได้ แต่พอเจอเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงซึ่งต้องจับตาดูตัวเลขในเดือนต่อๆไปว่าจะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน

“การผลักดันการส่งออก ไม่ได้อยู่ที่ภาษีอย่างเดียว แต่ผู้ประกอบการไทย ต้องยกระดับสู่มิติใหม่ของการพัฒนาสินค้า โดยผลิตให้สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการอาทิ การพัฒนาคอลเลกชันที่ผสมผสานพลอยสีหลากหลายเฉดสีกับดีไซน์ร่วมสมัยที่สะท้อนเอกลักษณ์ไทย มีการสร้างความโปร่งใสด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนและการใช้นวัตกรรมดิจิทัลเพื่อตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความรับผิดชอบต่อสังคม”

 

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top