ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1.25%(ปัจจุบันอยู่ที่ 1.50%) ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในเดือนธันวาคมนี้ และจะปรับลดอีกครั้งช่วงต้นปี 2569 ลงมาอยู่ที่ 1.00% โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะยังชะลอลงอย่างต่อเนื่องจนถึงครึ่งแรกของปีหน้า เนื่องจากความเปราะบางของภาคธุรกิจ และครัวเรือน จะยังส่งผลกดดันอุปสงค์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งภาวะการเงินไทย ยังนับว่ายังตึงตัวสูง ไม่สอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพมาก
เหตุผลที่ทำให้คาดว่า กนง.มีโอกาสจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนธันวาคม2568เนื่องจาก1. ภาวะสินเชื่อยังหดตัวต่อเนื่องในวงกว้าง สะท้อนภาพความต้องการสินเชื่อที่ลดลง อาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจได้อีกในอนาคต โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับต่ำ โดยธุรกิจเหล่านี้บางส่วนเข้าถึงสินเชื่อได้ แต่เลือกที่จะลดความเสี่ยงทางการเงินในบัญชีงบดุล ผ่านการกู้ยืมลดลง หรือคืนเงินกู้ อาจเป็นสัญญาณของการลงทุนภาคเอกชนที่จะลดลงในอนาคต นโยบายการเงินอาจต้องเข้ามามีบทบาทช่วยประคับประคองเศรษฐกิจมากขึ้น
2. อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (Real rate) อยู่ในระดับสูงเทียบกับในอดีต หากนำคาดการณ์เงินเฟ้อ 1 ปีข้างหน้า มาใช้คำนวณที่ประมาณ 0.7% (ไม่ใช่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะยาว 5-10 ปีที่ราว 1.5-1.6%) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทย จะมีค่าบวกอยู่ที่ระดับประมาณ 0.8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในอดีต มักอยู่ใกล้เคียง 0% สะท้อนว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอาจยังอยู่ในระดับสูง เทียบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้า ที่คาดว่าจะขยายตัวต่ำกว่าในอดีตอย่างมากที่เพียง 1.5%YOY (ประมาณการ SCB EIC) หรือประมาณการของ ธปท. ล่าสุดที่ 1.6%YOY
3. อัตราเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ไปอีกระยะหนึ่ง อาจทำให้ครัวเรือนเผชิญกับภาวะ"Debt deflation" สร้างความเปราะบางให้อุปสงค์ในประเทศต่อเนื่อง
4. ภาระหนี้ครัวเรือนไทยยังคงสูงอยู่ โดยในช่วงที่เห็นกระบวนการลดหนี้ครัวเรือน (Debt deleveraging) ตั้งแต่ต้นปี 2567 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยเพียง 0.2% ต่ำกว่ารอบกระบวนการลดหนี้ครัวเรือนครั้งก่อน ๆ โดยอัตราเงินเฟ้อต่ำ ไม่ได้ช่วยในกระบวนการลดหนี้ครัวเรือนมากนัก เนื่องจากมูลค่าของเงินยังคงเดิม มูลค่าหนี้ที่แท้จริงจึงไม่ได้ปรับลดลงไป
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่มีแนวโน้มต่ำต่อเนื่องนาน อาจทำให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (Deflation) ในที่สุด ผ่านภาระหนี้ครัวเรือนที่ลดลงช้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่ได้อยู่ในระดับเหมาะสมที่จะช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนในรูปมูลค่าที่แท้จริงได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี