ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-7 พฤศจิกายน 2568 แยกเป็น สถาบันในประเทศขายสุทธิ 21,402.12 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) ขายสุทธิ 15,045.50  ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 101,890.09 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ(รายย่อย)ซื้อสุทธิ 138,338.00 ล้านบาท

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปภาพรวมตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจากความกังวลเรื่องผลประกอบการ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยยังสอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ประกอบกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ที่ยังคงยืดเยื้อและทำสถิติยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ 1,300 จุด ได้อีกครั้งในเวลาต่อมา นำโดย หุ้นกลุ่มสื่อสารจากผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ดัชนีหุ้นไทยกลับมาย่อตัวลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตลาดกลับมากังวลประเด็นภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อีกครั้ง ประกอบกับไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้น ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว นำโดย กลุ่มแบงก์และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

โดยในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,302.91 จุด ลดลง 0.50% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 36,224.60 ล้านบาท ลดลง 13.28% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.68% มาปิดที่ระดับ 225.15 จุด

แนวโน้มสัปดาห์นี้(10-14 พฤศจิกายน 2568) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,285 และ 1,260 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,330 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ และทิศทางเงินทุนต่างชาติ