ขึ้นชื่อว่า “หนี้” เชื่อว่าใครๆ หลายคนคงไม่ค่อยชอบยิ่งในยุคปัจจุบันที่มองไปทางไหนก็เจอคนที่มีปัญหาหนี้สินกันทั้งนั้น
ในอดีตเคยมีคนเชื่อกันว่า “คนมีหนี้ คือ คนมีเครดิต” แต่เชื่อว่าสมัยนี้ความเชื่อดังกล่าวคงจะลดๆ กันไปบ้างแล้ว
แต่ก็ใช่ว่า “หนี้” ทุกอย่างจะเป็นเรื่องเสียหายไปทั้งหมด เพราะการก่อหนี้ของคนเรานั้นยังแบ่งได้เป็น “หนี้ที่ดี”และ “หนี้ที่เลว” อีก ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และแนวทางการก่อหนี้ก้อนดังกล่าวว่าเป็นเช่นไร?
โรเบิร์ต คิโยซากิ กล่าวไว้ในหนังสือพ่อรวยสอนลูกของเขาว่า “หนี้ดี คือ หนี้ที่ทำให้เงินสดเข้ากระเป๋า” ตัวอย่างเช่น เรากู้เงินซื้อบ้านหลังหนึ่งจากธนาคาร จากนั้น
ก็นำบ้านหลังดังกล่าวไปปล่อยเช่า ซึ่งให้ผลตอบแทนหรือค่าเช่า มากกว่าเงินผ่อนชำระรายเดือนจากธนาคาร ทำให้เรามีเงินสดเหลือเข้ากระเป๋าทุกเดือน
ดังนั้น การผ่อนบ้านเพื่อปล่อยเช่า แบบนี้ จึงถือเป็นการก่อหนี้ที่ดี
ส่วน “หนี้เลว คือ หนี้ที่ทำให้เงินไหลออกจากกระเป๋า” ตัวอย่างบ้านแบบเดียวกัน แต่เป็นการกู้เพื่ออยู่อาศัย ลักษณะดังกล่าว ก็จะให้ผลที่ต่างกัน คือเงินไหลออกจากกระเป๋าทุกเดือน
ซึ่งนั่นก็เป็นแนวคิดแบบฝรั่ง แต่สำหรับตัวผมแบ่งหนี้ดี และหนี้เลว โดยอาศัยเกณฑ์สำคัญสองประการครับ
1) ดูที่การสร้างและสั่งสมความมั่งคั่งให้ตัวเอง ถ้าก่อหนี้แล้ว ทำให้เรามั่งคั่งขึ้น อย่างนี้เรียกว่าการก่อหนี้ที่ดี ถ้าไม่ หรือความมั่งคั่งลดลง อันนี้เรียกว่า หนี้เลว
2) ดูจากสภาพคล่องหลังก่อหนี้ ถ้าการก่อหนี้ดังกล่าว ทำให้สภาพคล่องในชีวิตหายไป ต้องอยู่กินแบบกระเบียดกระเสียร อย่างนี้ จัดเป็นหนี้เลว แต่ถ้าไม่ได้กระทบกับสภาพคล่อง อันนี้เป็นหนี้ที่ยอมรับได้
ซึ่งการจะตัดสินว่า อะไร? เป็น “หนี้ดี” อะไร? เป็น “หนี้เลว” นั้น ต้องใช้ทั้งสองเงื่อนไขพิจารณาพร้อมๆ กัน
ตัวอย่าง เช่น ถ้าคุณเอซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัย 1 หลัง อย่างที่เราทราบกันดีว่า บ้านมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี (อย่างน้อยที่สุดเท่ากับอัตราเงินเฟ้อ) อย่างนี้การซื้อบ้านก็จะผ่านเกณฑ์ข้อ 1 นั่นคือ “ให้ความมั่งคั่งที่สูงขึ้น”
ทีนี้เรามาดูเกณฑ์สภาพคล่อง ถ้าการซื้อบ้านดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง และการจับจ่ายของนายเอ อย่างนี้การซื้อบ้านของนายเอ ก็ผ่านเกณฑ์ทั้งสองข้อ และนั่นหมายความว่าการซื้อบ้านครั้งนี้ เป็น “หนี้ดี”
แต่ถ้าสภาพคล่องเสียไป ลำบากกับการใช้จ่าย บางเดือนต้องยืมเงินคนอื่นส่งธนาคาร อย่างนี้ถือเป็นหนี้เลว
หรือการกู้เงินเรียน ก็พิจารณาในแบบเดียวกัน การเรียนทำให้เรามั่งคั่งขึ้น (Potential) มีโอกาสในการสร้างรายได้ในอนาคตที่สูงขึ้น แต่ถ้าการกู้ยืมทำให้เราลำบากรายเดือน อย่างนี้ก็หนี้เลวเหมือนกัน
ด้วยเกณฑ์ดังกล่าว ท่านสามารถใช้พิจารณาในทุกเรื่องได้ทั้งหมด และชัดเจนก่อนที่ท่านจะตัดสินใจสร้างหนี้ก่อนนั้น
อีกสักตัวอย่างก่อนจากกัน
นายบี ตัดสินใจซื้อรถยนต์ เพื่อไว้ใช้เดินทาง พิจารณาเริ่มต้นที่เกณฑ์ข้อ 1 จะเห็นว่า รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าลดลงตลอดเวลา ดังนั้น “ความมั่งคั่งไม่มีทางเพิ่มขึ้น”
แต่ก็ใช่ว่าเราจะรีบสรุปว่า การซื้อรถเป็นหนี้เลว โดยทันทีจากมูลค่าที่ลดลงของมัน เราต้องมาดูกันว่า การซื้อรถยนต์ ทำให้เรามีเงินเหลือมากขึ้นหรือไม่ เช่น เมื่อรวมค่าผ่อนส่ง ค่าน้ำมันแล้วอาจประหยัดกว่าค่าเดินทางก็ได้ (ทั้งนี้อยู่ที่การจัดไฟแนนซ์)
หรือบางคน เมื่อมีรถแล้ว อาจทำให้หางานได้มากขึ้นรับงานได้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้ที่ได้มา ชนะค่าใช้จ่ายของรถยนต์คันนี้
อย่างนี้รถยนต์คันนี้ก็เป็นหนี้ดีได้เหมือนกัน
ลองเอาเกณฑ์ไปพิจารณาใช้ดูนะครับ และต้องมั่นใจว่าทุกครั้งที่คุณจะก่อหนี้ คุณก่อเฉพาะหนี้ที่ดีตลอดเวลา
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี