วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (ฉบับย่อ) ครั้งที่ 2/2563 วันที่ 25 มีนาคม 2563 ....โดยคณะกรรมการ กนง. มีเห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อยังสอดคล้องกับภาพที่ได้ประเมินไปในการประชุมนัดพิเศษ (20 มีนาคม) โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวแรงจากการระบาดของโควิด-19 เป็นสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและการจ้างงานที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงจากที่ประมาณการไว้เดิมมาก การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มหดตัวตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอลงมาก และผลกระทบจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิต ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มหดตัวในทุกองค์ประกอบ ยกเว้น การใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้จากการประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ล่าช้า
คณะกรรมการ จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัว 5.3% ในปี 2563 และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้ 3% ในปี 2564 หากการระบาดในไทยควบคุมได้ตามที่กระทรวงสาธารณสุขคาด และจำนวนนักท่องเที่ยวทยอยกลับมาฟื้นตัว และประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2563 มีแนวโน้มติดลบ โดยคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ลบ 1% และปี 2564 มีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่0.3% ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงเร็ว และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานมีแนวโน้มติดลบ นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมี แนวโน้มติดลบตามแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ลดลงมาก แม้อัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดจะปรับเพิ่มขึ้นบ้างจากภัยแล้ง
นอกจากนี้ คณะกรรมการประเมินว่า ประมาณการเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อมีความไม่แน่นอนสูงมากโครงสร้างเศรษฐกิจการค้าของโลกและไทยจะเปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายทั้งนี้เศรษฐกิจไทยเผชิญความไม่แน่นอนจากทั้งต่างประเทศและในประเทศ 5 ปัจจัย ได้แก่ 1.การระบาดของโควิด-19ที่อาจรุนแรงและยืดเยื้อมากกว่าที่คาด หรืออาจมีการคิดค้นวัคซีนและยารักษาได้เร็วกว่าที่คาด 2.ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินโลกที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะปานกลาง 3.ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น และการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการเจรจาการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและยุโรป ซึ่งยังมีความไม่แน่นอน 4.ความไม่แน่นอนของการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หรือมาตรการต่างๆ อาจมีผลน้อยกว่าที่คาด 5.ความเสี่ยงของภัยแล้งที่อาจรุนแรงกว่าคาด ส่งผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตและรายได้ภาคเกษตร และไม่สามารถรองรับแรงงานที่ย้ายมาจากภาคอื่นๆ ได้
คณะกรรมการเห็นว่า ความเสี่ยงในระบบการเงินโดยรวมมีความเปราะบางมากขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่หดตัวแรง ซึ่งส่งผลต่อรายได้ภาคครัวเรือนและธุรกิจ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้และคุณภาพสินเชื่อด้อยลง นอกจากนี้สภาพคล่องในระบบการเงินตึงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดตราสารหนี้คณะกรรมการจึงเห็นควรให้ติดตามความเสี่ยงและจุดเปราะบางต่างๆ อย่างใกล้ชิด และให้ ธปท. เตรียมเครื่องมือเชิงนโยบายให้พร้อมใช้ เพื่อดูแลระบบการเงินให้มีเสถียรภาพและมีความมั่นคงในสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งประสานกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมดำเนินการเชิงรุกป้องกันไม่ให้เกิด ความเสี่ยงเชิงระบบ ขณะที่การดำเนินนโยบายการเงิน กรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้รอประเมินการปรับตัวของตลาดการเงินและการลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินเพิ่มเติม และควรรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) ให้พร้อมรองรับความไม่แน่นอนที่มีอยู่สูงในอนาคต
นอกจากนี้ คณะกรรมการเห็นว่า มาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบของรัฐบาลที่ได้ประกาศไป และมาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นมาตรการที่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากกว่า คณะกรรมการจึงมีมติ 4 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.75% ต่อปี ขณะที่กรรมการ 2 ท่าน เห็นควรให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย0.25% ต่อปี จาก 0.75% เป็น 0.50% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษมีความเหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่หดตัวแรง
คณะกรรมการเห็นว่า โจทย์สำคัญของเศรษฐกิจการเงินไทยในปัจจุบันแตกต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2540 โดยปัจจุบันไทยมีเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับที่สูง และระบบสถาบันการเงินไทยมีความมั่นคงและมีเงินกองทุนสูง สภาพคล่องในระบบการเงินมีเพียงพอในระดับมหภาค ความท้าทายในปัจจุบันคือการเร่งช่วยเหลือด้านสภาพคล่องและสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการเร่งดำเนินมาตรกาเพื่อช่วยพักชำระหนี้ ลดอัตราการผ่อนชำระ หรือเลื่อนการชำระ เพื่อบรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้า สำหรับขั้นถัดไปต้องเร่งปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดูแลให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ต้องการสภาพคล่องสามารถเข้าถึงสภาพคล่องที่มีเพียงพอในระดับมหภาค (Distribution of Liquidity) เช่น การสนับสนุนสินเชื่อต้นทุนต่ำแก่ธุรกิจและครัวเรือนที่มีศักยภาพ ควบคู่กับกลไกการค้าประกันสินเชื่อที่ช่วยจัดสรรสินเชื่อไปยัง SMEs ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้
คณะกรรมการเห็นตรงกันว่า ต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพคล่องของผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้ให้ตรงจุด โดยเห็นว่า ธปท. ได้ประสานกับสถาบันการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินอื่นอย่างใกล้ชิดอย่างรวดเร็วและทันการณ์ ภายใต้สถานการณ์ที่มีแนวโน้มลุกลามและขยายวงกว้างขึ้น เพื่อร่วมมือกันอย่างเร่งด่วนในการกำหนดมาตรการขั้นต่ำ
เพื่อบรรเทาภาระหนี้และสนับสนุนสภาพคล่อง เพิ่มเติมแก่ลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจที่มีศักยภาพ และเห็นว่ามาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมาตรการของภาครัฐที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นมาตรการแก้ปัญหาที่ดำเนินการได้ทันการณ์และตรงจุดกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อย่างมีประสิทธิผล
นอกจากนี้ คณะกรรมการเห็นว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาวะปัจจุบัน นโยบายการเงินและนโยบายการคลังจำเป็นต้องประสานกันอย่างใกล้ชิด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการเร่งดำเนินมาตรการทางการเงินการคลังต่างๆ เพื่อช่วยกันประคับประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป
กระบองเพชร

ซีลชายแดน! จุดตรวจช่องเม็ก-ปากแซง-เขมราฐ‘ตม.อุบลฯ’ตรวจเข้มบุคคลเข้า-ออก สกัด‘สแกมเมอร์’
'สรวงศ์' อวดภาพ 'อิ๊งค์' เซ็นหนังสือ '31 ผลงาน สางปัญหา สร้างโอกาส' ของนายกฯคนที่ 31
กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับมือพายุคัลแมกี เพื่อช่วยเหลือประชาชน
'พิสิษฐ์' ยัน 'วุฒิสภา' ไม่มียื้อถ่วง แก้ รธน. แจงองค์ประชุมกมธ.ฯล่ม เหตุไร้ความชัดเจน
'เด็ดพี่'เย้ย 'มีเราไม่มีเทา' อย่าพูดเอาหล่อ เลือกรับงานตรวจสอบ หวังกู้เรตติ้ง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี