nn ในสภาพเศรษฐกิจที่จีดีพีจะติดลบประมาณ 8-10% ...เป็นเรื่องเข้าใจได้ว่าการเก็บภาษีของรัฐบาลจะต้องลดลง...อย่างกรณีของ กรมสรรพสามิต...ที่จัดเก็บภาษี 11 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (ม.ค.-ส.ค.) ได้รวม 503,882 ล้านบาท ต่ำกว่าปีงบประมาณ’62 อยู่ 35,185 ล้านบาท หรือ 6.53% อย่างไรก็ตาม คุณพชร อนันต์ศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต....มั่นใจว่าตามเมื่อสิ้นปีงบประมาณ’63 กรมสรรพสามิต จะจัดเก็บภาษีได้ 520,000 ล้านบาท...ซึ่งหากว่าเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 501,000 ล้านบาท...ก็ถือว่าทำได้เกินเป้า...แวดวงการเงิน...ก็ต้องปรบมือ
ให้เพราะภาวะเศรษฐกิจที่การขยายตัวติดลบยังทำได้เกินเป้า...ส่วนรายได้ภาษีจัดเก็บสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 206,797 ล้านบาท ภาษีรถยนต์ 77,791 ล้านบาท ภาษีเบียร์ 73,352 ล้านบาท ภาษีสุรา 56,652 ล้านบาท และภาษียาสูบ 58,186 ล้านบาท…!! ส่วนปีงบประมาณ’64 นั้น คุณพชร มั่นใจว่าหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นและไม่มีปัจจัยลบภายนอกอื่นๆ เข้ามาแทรกซ้อนเพิ่มเติมอีก...กรมสรรพสามิตจะจัดเก็บภาษีได้ 540,000 ล้านบาท...!! แวดวงการเงิน..ถามว่าในภาวะที่รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มรายได้...มีโอกาสที่กรมสรรพสามิตจะเพิ่ม“ภาษีบาป”อีกหรือไม่...ไม่ว่าจะเป็นสุรา เบียร์ ยาสูบ..ก็ได้รับคำตอบว่า...จริงแล้วยังเพดานเหลือที่จะขึ้นได้อีก...แต่ว่าก็ต้องคิดให้รอบคอบเพราะเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อขยับภาษีก็จะมีปัญหาเรื่องการลักลอบนำเข้าสินค้า...หรือแม้แต่กรณีภาษีน้ำมันที่ขณะนี้เริ่มเก็บได้มากขึ้นเพราะเริ่มมีการเดินทางท่องเที่ยวหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19...แต่หากรัฐจะเพิ่มภาษีน้ำมันหรือเก็บภาษีสูงเกินไป...ก็จะทำให้มีการลักลอบน้ำมันเข้าตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน... ส่วนภาษีที่รัฐบาลผ่อนปรนภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องบินไอพ่น (น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินฯ) สำหรับเที่ยวบินในประเทศ จากเดิม 4.726 บาทต่อลิตร เหลือ 0.20 บาทต่อลิตร กำหนดถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 กรมสรรพสามิตจึงเตรียมเสนอกระทรวงการคลังพิจารณา ยอมรับว่าแม้จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษีประมาณ 1,000 ล้านบาท... แต่เพื่อลดภาระต้นทุนให้กับสายการบินส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงนี้....
nn คงได้เห็นข่าวการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยไปแล้วจากหลายสำนัก..ที่น่ากังวลที่สุดคงจะเป็น...ของ KKP Research เกียรตินาคินภัทร...ที่ระบุว่าเศรษฐกิจไทยอ่อนแอมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 เมื่อเจอวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วน 12% ของ GDP จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ยากและช้ากว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ปี 2564 เศรษฐกิจไทยยังห่างจากการกลับเข้าสู่ระดับของกิจกรรมเศรษฐกิจก่อนโควิด-19 และอาจจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีกว่าที่จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ…หนึ่งในสัญญาณที่บ่งชี้ เช่น...ตลาดหุ้นไทยแทบไม่ฟื้นตัวเลยในขณะที่หุ้นในหลายประเทศฟื้นตัวกลับไปใกล้เคียงกับจุดก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แล้ว…ที่สำคัญคือ การท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวช้ากว่าเดิม...ด้วยเหตุที่ทั่วโลกยังเกิดการระบาดรุนแรงในรอบที่ 2 ...จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2564 อาจจะเหลือ 6.4 ล้านคน....หรือถ้าเลวร้ายยกว่านั้นคือทั้งปี 2564 ไทยก็ยังไม่สามารถเปิดรับท่องเที่ยวต่างชาติได้ปกติเหมือนก่อนเกิดโควิด-19..!! ถึงตรงนี้รัฐบาลต้องเร่งมาตรการที่กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศด้วยมาตรการรวดเร็วและเห็นผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนผ่านนโยบายการคลัง....และด่วนที่สุดคือต้องหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยเร็ว...สเปกที่ต้องได้คือ....รู้เรื่องระบบงานราชการแต่ไม่ทำงานแบบข้าราชการ...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี