การให้ความไว้วางใจรัฐบาลครั้งแรกเป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ยังเป็นที่สงสัย
การเข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลครั้งแรกของพระยามโนฯ นั้น ไม่มีการแถลงนโยบายรัฐบาล และไม่มีทั้งการขอมติไว้วางใจจากสภาฯ การที่นายกรัฐมนตรีต้องนำคณะรัฐมนตรีเข้ามาแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภาฯ และขอความไว้วางใจเสียก่อนเข้าทำงานนั้น เพิ่งมีขึ้นครั้งแรกใน“รัฐบาลมโนฯ 2” หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 แล้ว
ที่จริงการแถลงนโยบายของรัฐบาลและการขอความไว้วางใจก่อนเข้ารับตำแหน่งนี้เป็นของใหม่ คนในสภาฯ จำนวนไม่มากนักที่รู้เรื่องและเข้าใจดี ประธานสภาฯ เอง ท่านยังซักถามมาก แม้ว่าทางรัฐบาลจะส่งเอกสารนโยบายของรัฐบาลไปล่วงหน้าให้อ่านแล้วก็ตาม จนนายกรัฐมนตรีพระยามโนฯต้องอธิบายว่า “การบริหารราชการต่อไปนั้นจะต้องได้รับความไว้วางใจของสภาฯ” และนายกฯ ยังได้อ้างมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญ ที่มีความว่า
“มาตรา 41 สภาย่อมส่งไว้ซึ่งสิทธิ์ที่จะลงมติความไว้วางใจในรัฐมนตรีรายตัวหรือทั้งคณะ
ญัตติ ความไว้วางใจนั้นท่านมิให้ลงมติในวันเดียวกับที่ปรึกษา”
หลังจาก ทำความเข้าใจกัน ในเรื่องที่รัฐบาลจะต้องแถลงนโยบายแล้ว พระยามโนฯ จึงได้แถลงว่า รัฐบาลจะดำเนินนโยบายตามหลัก 6 ประการของคณะราษฎร อันได้แก่หลักเรื่องเอกราช หลักเรื่องความปลอดภัย หลักเรื่องเศรษฐกิจ หลักเรื่องความเสมอภาค หลักเรื่องเสรีภาพและหลักเรื่องการศึกษา
ตามมาด้วยนโยบายเฉพาะของกระทรวงต่างๆ มีนโยบายของกระทรวงการคลัง นโยบายในการป้องกันประเทศ นโยบายในด้านการต่างประเทศที่ยืนยันจะรักษาความสัมพันธ์กับนานาประเทศและปฏิบัติตามข้อตกลงที่เคยมีมาต่อไป นโยบายทางเกษตรและพาณิชย์ที่สำคัญ คือ จะเร่งขายข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนาให้ได้รับเงินเร็วขึ้น นโยบายของกระทรวงธรรมการซึ่งรัฐบาลยืนยันที่จะประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษาทั้งในพระนครและในต่างจังหวัดเพื่อจะให้มีผู้เรียนประถมศึกษาภาคบังคับเพิ่มขึ้นมากๆ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นโยบายของกระทรวงมหาดไทยที่ว่าปัญหาใหญ่ของกระทรวงนี้คือการปราบปรามโจรผู้ร้ายและจัดหาอาชีพให้ราษฎรและดูแลงานสาธารณสุขให้ดี เพราะในตอนนั้นงานสาธารณสุขยังอยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย นโยบายทางด้านศาลยุติธรรมโดยรัฐบาลเน้นเรื่องการจัดระเบียบการพิจารณาพิพากษาคดีให้ดำเนินไปอย่างยุติธรรม และได้จัดทำร่างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่งและอาญา กับพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
จากนั้นเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาฯได้ซักถาม โดยรัฐบาลเป็นฝ่ายชี้แจง ผู้ถามนั้น มีนายสงวน ตุลารักษ์ พระยามนธาตุราช พระยานิติศาสตร์ฯ นายจรูญ สืบแสง พระสุธรรมวินิจฉัย พระวุฒิสารเนติญาณ และนายมังกร สามเสน โดยเฉพาะ พระวุฒิสารเนติญาณ นั้นถามเกี่ยวกับกลาโหมและทหาร พระยาพหลฯ ได้ชี้แจง และกล่าวว่า “แต่ได้ขอมิให้บันทึกไว้ในรายงาน” ซึ่งพระวุฒิสารฯ ก็ไม่ได้ติดใจ แสดงว่าเรื่องทหารซักถามมากก็มีปัญหามาตั้งแต่ต้น
ครั้นเมื่อทางฝ่ายรัฐบาลได้ชี้แจงแล้ว ทางท่านประธานสภาฯ ได้กล่าวสรุปว่า
“บัดนี้เข้าใจว่านโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงมาแล้วนี้ ก็เพื่อให้ทราบว่า เป็นคณะรัฐบาลซึ่งจะดำเนินนโยบายตามนี้ ฉะนั้นถ้าผู้ใดเห็นชอบที่จะไว้ใจให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติการตามนี้แล้ว ขอให้แสดงความเห็น สมาชิก 60 นายที่มาประชุมนั้นมีความเห็นสอดคล้องกัน เป็นอันว่าสภาลงมติให้ความไว้วางใจคณะรัฐมนตรีดำเนินต่อไปได้ตามแนวนโยบายที่แถลงมาแล้ว
ในการลงคะแนนรับรองให้ความไว้ใจนี้คณะรัฐมนตรีได้ลงคะแนนรับรองตนเองด้วย”
หลังจบการอภิปรายก็ได้มีการลงมติไว้วางใจรัฐบาลทันที ในวันเดียวกันกับที่อภิปราย ซึ่งน่าจะไม่เป็นไปตามวรรค 2 ของมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญ หรือการแถลงนโยบายไม่เป็นญัตติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี