nn ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์...คือสินค้าส่งออกสำคัญของไทย มีสัดส่วนมากว่า 20% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย แม้ว่าจะต้องเผชิญปัญหาบ้างในช่วงเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนในช่วง 2-3 ปีก่อน แต่หลังจากนั้นเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้นำเสนอบทวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยระบุว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยของสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2563 ยังคงค่อนข้างสูงและฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คลี่คลายลงและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมสำคัญที่เกี่ยวเนื่องของโลกโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กลุ่มโทรคมนาคม รวมถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์การแพทย์ โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในปี 2563 รายไตรมาส ของอุตสาหกรรมวงจรพิมพ์ (PCB) อยู่ที่ระดับร้อยละ 83.0 ร้อยละ 78.3 ร้อยละ 77.2 และร้อยละ 87.3 ตามลำดับ ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยรายไตรมาส ปี 2563 ของอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า (IC) อยู่ที่ร้อยละ 82.7 ร้อยละ 81.0 ร้อยละ 84.3 และร้อยละ 84.7 ตามลำดับ
สำหรับดัชนีผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เช่นกัน ทั้งนี้อัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 พบว่าดัชนีผลผลิต Hard Disk Drive, Integrated circuits (IC) และ Printed Circuit Board Assembly(PCBA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9ร้อยละ 11.1 และร้อยละ 33.4 ตามลำดับ
ด้านความต้องการของตลาดต่างประเทศ พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าอิิเล็กทรอนิกส์ของไทยในปี 2563 มีจำนวน 36,514.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 โดยการส่งออกไปสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.3 เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 ที่รุนแรง ทำให้การผลิตสินค้าอิิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐอเมริกาประสบปัญหา หากพิจารณาการส่งออกรายผลิตภัณฑ์ พบว่ามูลค่าการส่งออก HDD, แผงวงจรไฟฟ้า และวงจรพิมพ์ มีจำนวน 10,680.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, 7,155.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1,309.6ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 2.0, ลดลงร้อยละ 5.7 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามลำดับ สำหรับตลาดส่งออก HDD ที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง และจีน ส่วนตลาดส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าสำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์ และ จีน ขณะที่ตลาดส่งออกวงจรพิมพ์หลัก ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ
สำหรับแนวโน้มของอุตสาหกรรมอิิเล็กทรอนิกส์ในปี 2564 สำนักวิจัยประเมินว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตและการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2564 มีแนวโน้มอยู่ในระดับค่อนข้างสูงต่อเนื่อง และสูงกว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตและการผลิตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ชัดเจน ตามความต้องการผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการผลิตในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องส่วนการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวประมาณร้อยละ 5-10 เนื่องจากตลาดส่งออกหลักยังมีแนวโน้มขยายตัว สงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้นักลงทุนจีนย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้นเพื่อผลิตแล้วส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วขออุตสาหกรรมต่างๆ ในจีน จากการที่จีนมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศต่างๆ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 การเปลี่ยนแปลง model ของสินค้า ITการพัฒนาเทคโนโลยีของสินค้าเกี่ยวเนื่องสำคัญ เช่น EV car, รถไร้คนขับ,อุตสาหกรรมทางการแพทย์ที่ต้องมีการสื่อสารกันมากขึ้น เป็นต้น รวมทั้งแนวโน้มการพัฒนาสู่สังคมดิจิทัลมากขึ้นเป็นลำดับและเทรนด์ของ Social Distancing & Work from Home ทั้งนี้การส่งออก HDD สำหรับ Cloud Computing(กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานการเก็บข้อมูลผ่านระบบอินเตอร์เนต) ยังคงได้แรงหนุนตามเทรนด์IoT (Internet of Thing) และ Big Dataขณะที่ชิ้นส่วน HDD สำหรับใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ได้รับผลกระทบจากความต้องการของสินค้า PC ลดลงต่อเนื่อง
สำนักวิจัยฯ มองว่าผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของโลกส่วนใหญ่ยังคงใช้ไทยเป็นฐานการผลิตและยังไม่มีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ โดยส่วนใหญ่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC ในรูปการขยาย/เพิ่ม line การผลิตของโรงงานเดิมทั้งนี้การเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติสำหรับผลิตสินค้าอิิเล็กทรอนิกส์ในไทยและในเวียดนามมีความแตกต่างกัน โดยการลงทุนในไทยส่วนใหญ่จะเป็นการขยายการลงทุนของผลิตภัณฑ์เดิม และเทคโนโลยีเดิม เช่น กลุ่ม IC, PCB และ HDDรวมถึงกลุ่มสินค้าหลอดไฟ LED และ Compressorsเป็นต้น ขณะที่นักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามส่วนใหญ่จะเป็นผู้ผลิตสินค้าอิิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคม และ High Technologyจึงทำให้มูลค่าการส่งออกของเวียดนามเติบโตในระดับสูง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเฝ้าระวัง ได้แก่ การระบาด COVID-19 กำลังซื้อของผู้บริโภค ทิศทางของเงินบาท และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
** ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย **
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี