วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
nn แม้ว่าในช่วงหลายปีมานี้ภาคการท่องเที่ยวจะสวมบทพระเอกในการช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่าภาคการส่งออกนั้นยังเป็นเครื่องยนต์หลักและตัวใหญ่ที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยเพราะมูลค่าการส่งออกไทยนั้นคิดเป็นกว่า 60% จีดีพีไทย และตัวเลขล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์ การส่ออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2567 มีมูลค่า 24,796.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (892,766 ล้านบาท)หดตัว 0.3% ซึ่งกลับมาหดตัวเล็กน้อย สาเหตุหลักจากสินค้าผลไม้เข้าสู่ช่วงท้ายของฤดูกาลจึงมีผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ขณะที่ตัวเลข6 เดือนแรกของปี การส่งออก มีมูลค่า 5,191,014 ล้านบาท ขยายตัว 7.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 5,437,480 ล้านบาท ขยายตัว 8.3% ดุลการค้าครึ่งแรกของปี 2567 ขาดดุล 246,466 ล้านบาท
ดังนั้นช่วงที่เหลือของปีการส่งออกของไทยจะเป็นอย่างไรก็เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเฝ้าติดตาม ซึ่ง SCB EIC ธ.ไทยพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคม มีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวได้ จากปัจจัยฐานต่ำเป็นสำคัญ เนื่องจากมูลค่าการส่งออกในเดือน ก.ค. ปีก่อนหดตัวมากถึง -10.3% ตามเศรษฐกิจโลกที่ไม่สดใสนักในขณะนั้นประกอบกับการส่งออกทองคำหดตัวมากถึง -53.7% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกและเครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมโลกยังเอื้อต่อการส่งออกไทยอยู่บ้าง สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลกที่ยังอยู่เหนือระดับ 50 แต่ข้อมูลเดือนล่าสุดทยอยปรับลดลงต่ำกว่า 50 ในประเทศพัฒนาแล้ว SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยปีนี้จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 2.6% (ตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน และมุมมอง ณ มิ.ย. 2024) ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ภาคการผลิตโลก และราคาสินค้าส่งออกที่มีทิศทางเติบโตดีขึ้นกว่ามุมมองก่อนหน้านี้
ขณะที่ Krungthai COMPASS ธ.กรุงไทย ประเมินว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักที่มีสัญญาณชะลอตัวจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปี 2567 ให้ฟื้นตัวได้จำกัด โดยเครื่องชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจด้านการผลิต Flash PMI Manufacturing เดือนก.ค. ของประเทศหลักต่างหดตัวจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับลดลง โดยสหรัฐฯ กลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ส่วนญี่ปุ่นกลับมาหดตัวในรอบ 3 เดือน ขณะที่ยุโรปหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 25 นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีความเปราะบาง สอดคล้องกับดัชนียอดค้าปลีกสินค้าอุปโภค-บริโภคล่าสุดของจีนที่ชะลอตัวลงในเดือน มิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนซึ่งปรับลดลงต่อเนื่อง บ่งชี้แรงกดดันด้านอุปสงค์ต่อสินค้าต่างประเทศของจีน ซึ่งรวมไปถึงสินค้าส่งออกจากไทย โดยการส่งออกไทยไปจีนเดือนล่าสุดกลับมาหดตัวที่ -12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ทั้งนี้ เครื่องชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศหลักที่ต่างชะลอตัว สะท้อนว่าอุปสงค์ที่มีต่อสินค้านำเข้าของประเทศเศรษฐกิจหลักยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งออกสินค้าของไทยให้เติบโตได้ต่ำ อีกทั้งในระยะข้างหน้ายังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ สะท้อนจากค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต ที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุด (25 ก.ค.) ปรับขึ้นสู่ระดับ 5,806 ดอลลาร์ต่อตู้ หรือขยายตัว 9.2% จากเดือนก่อน
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ธ.กสิกรไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แนวโน้มการส่งออกไทยมีโอกาสขยายตัวได้ต่ำลงกว่าครึ่งปีแรก ที่ขยายตัว 2.0%YoY จากปัจจัยเสี่ยงเชิงลบที่เพิ่มขึ้น เช่น 1.เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแรง อาทิ สหรัฐฯ และจีน ซึ่งการส่งออกไทยไปยังตลาดดังกล่าวมีสัดส่วนรวมกันราว 30% ของการส่งออกไทยทั้งหมด นอกจากนี้ สหรัฐฯมีปริมาณสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือเพิ่มขึ้น 6% ตั้งแต่ต้นปี จึงอาจส่งผลให้เกิดการชะลอการนำเข้าสินค้าในระยะข้างหน้า2.ไทยมีได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์อิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกจำกัด เนื่องจากปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยสินค้าที่ไทยส่งออกมีมูลค่าและความซับซ้อนค่อนข้างต่ำสะท้อนจากการส่งออกกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยขยายตัวได้ต่ำกว่าประเทศผู้ส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เช่น เกาหลีใต้ เวียดนาม เป็นต้น โดยตัวเลขการส่งออกเกาหลีใต้ 20 วันแรกของเดือน ก.ค. 2567 ขยายตัวถึง 18.8% YoY ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2567 ขยายตัวที่ 1.5% โดยยังคงต้องติดตามประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน
สำหรับในปี 2568 SCB EIC ประเมินว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องใกล้เคียงปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีเติบโตใกล้เคียงปีนี้และปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มเร่งขึ้นจากปีนี้ จากความต้องการบริโภคสินค้าภาคการผลิตที่มากขึ้น ภายใต้แรงกดดันปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการส่งออกของไทยที่ไม่สามารถปรับตัวตามความต้องการในตลาดโลกที่เปลี่ยนไปได้เต็มที่ ตลอดจนผลการเลือกตั้ง
สำคัญในโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปที่มีแนวโน้มจะทำให้คู่ค้าสำคัญของไทยมีลักษณะเป็น Protectionism และใช้เครื่องมือกีดกันทางการค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงปัญหา China overcapacity ยังเป็นความเสี่ยงและปัจจัยกดดันสำคัญที่ต้องจับตามอง เนื่องจากทำให้สินค้าไทยแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนในตลาดโลกได้ยากขึ้น
กระบองเพชร

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี