** ณ.เวลานี้คงพอจะทำให้ คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์...โล่งออกไปได้ระดับหนึ่ง ที่สามารถปิดดีลภาษีกับสหรัฐฯไปได้ด้วยอัตราที่ 19%...แต่เชื่อ แวดวงการเงิน เถอะว่าจากนี้ไป...ตัวคุณพิชัยและรัฐบาลจะต้องเจออะไรอีกเยอะจากภายในประเทศเอง...เพราะกว่าที่ไทยจะได้ตัวเลขนี้มา (19%) ไทยต้องเอาอะไรไปแลกมาบ้างล่ะครับพี่น้อง...สินค้า 10,000 หมื่นรายการ ที่ไทยลดภาษีให้เป็น 0% เชื่อไม่ใช่จุดเปราะบาง เพราะเราพอแข่งได้ และบางรายการเรานำเข้ามาเพื่อแปรรูป หรือใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอยู่แล้ว บางรายการเราก็อาจจะผลิตไม่ได้ อย่างเช่น ยาและเวชภัณฑ์ บางรายการ...แต่ที่ แวดวงการเงิน มองว่าแรงกดดันที่จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลคือ การเปิดนำเข้า...เช่น เนื้อหมูและเครื่องใน ถั่วเหลือง ข้าวโพด....แม้คุณพิชัยจะบอกว่า “หมูจะให้โควต้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะไทยสามารถผลิตได้เอง และกังวลสารเร่งเนื้อแดง ส่วนถั่วเหลืองอาจเปิดโควต้าอยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านตัน สินค้าเหล่านี้หากจะนำเข้า ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบสุขอนามัย โรงงานผลิต และมาตรฐานที่เข้มงวด” ....!! แต่เชื่อเถอะว่าถึงเวลาเอาเข้าจริง ทำเช่นนั้นไมได้หรอก เรื่องหมู ตอนนี้ไทยผลิตเกินความต้องการอยู่แล้ว ปัญหาหมูเถื่อนที่เงียบๆไป ก็ไม่ได้แปลว่าหมดไปแล้ว มาเจอหมูสหรัฐฯเข้าไปอีก ผู้เลี้ยงหมูไทยจะยอมได้หรือ...หลีกไม่พ้นที่รับบาลต้องรับมือกับ “ม็อบหมู”เร็วๆนี้...นอกจากนี้เรื่อง “สารเร่งเนื้อแดง” ที่กฎหมายไทยสั่งห้าม เพราะรู้ว่ามีอันตรายกับผู้บริโภค...หมูสหรัฐฯเขาใช้สารเร่งเนื้อแดง...แล้วอย่างนี้ไทยต้องทำยังไง แก้กฎหมายเลิกแบนสารเร่งเนื้อแดงหรือเปล่า...ถ้ายกเลิกการแบน...เกษตรกรไทยก็ใช้ได้ด้วยใช่ไหม...แบบนี้คนไทยที่กินหมูก็เสี่ยงกันทั้งประเทศล่ะสิครับ ใช่ไหม...แล้วรัฐบาลจะต้องรับมือกับแรงกดดันจากฝั่งสาธารณสุขด้วยไหม...เรื่องข้าวโพด ถั่งเหลือง...เรื่องขอกังวลประเด็นการตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) ก็เรื่องหนึ่ง...แต่ที่หนักกว่าคงจะเป็นเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวไร่มากกว่า...จำได้ว่าก่อนจะปิดดีลนี้...ก็เคยมีการออกมาร้องเรียนกันครั้งหนึ่งแล้วใช่ไหม...และตอนนี้ก็มีประเด็นเรื่องราคาตกต่ำอยู่...จนต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาพยุงราคา...การเปิดนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก ย่อมเป็นประเด็นอ่อนไหวมากเช่นกันสำหรับรัฐบาลที่จะต้องเจอกับ “ม็อบชาวไร่ข้าวโพด”...แวดวงการเงิน...มั่นใจจริงๆว่าจากข้อตกลงภาษีไทย-สหรัฐฯครั้งนี้...จะมีผู้เดือดร้อนในประเทศอีกมากมายหลายกลุ่มนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น...รัฐบาลเตรียมรับมือมือให้ดี...แล้วบอกกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า...ดีลนี้...ใครบ้างที่ได้ ใครบ้างที่ต้องเสีย และเท่าไหร่...** 

** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**