วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568
บ่าย 3 โมงของวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมาผมพักมือจากการทำงานชั่วครู่ หันไปเปิดโทรทัศน์ดู มีข่าวด่วนขึ้นมาว่า ตอนบ่าย 2 โมงเศษๆ มีการปะทะระหว่างทหารเขมรกับทหารไทยที่บริเวณอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย
ข่าวบอกว่ายิงกันกว่าครึ่งชั่วโมง หลังเสียงปืนสงบก็มีข่าวสารจากทางการไทยว่า เป็นการยิงปะทะ “ตามกฎการใช้กำลังเพื่อตอบโต้” โอ... ขนาดเขมรใช้ ปรส. (ปืนไร้แรงสะท้อน) ยิงเข้ามาฝั่งเราด้วยเจตนาเอาชีวิต การใช้คำแถลงข่าวของกองทัพไทยก็ช่างเป็นผู้ดีเสียนี่กระไร
แต่ที่ตามมาแน่ๆ คือ มีประกาศขอร้องให้อพยพประชาชนตามแนวชายแดนไทยไปสู่ศูนย์พักพิง หรือพื้นที่ปลอดภัย ตัวเลขก็คือ 11 อำเภอ จาก 4 จังหวัด คืออุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, และบุรีรัมย์ เพราะการปะทะอาจจะขยายวงกว้างออกไป
จากนั้น ราวๆ 2 ทุ่ม ทหารเขมรก็ใช้ปืนเล็กยิงเข้ามายังทหารฝ่ายไทย แถวๆภูผาเหล็ก ศรีสะเกษ และช่องบก อุบลราชธานี คราวนี้ทหารไทยปลอดภัย แต่เขมรมีการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักและกำลังพลเข้าประชิดชายแดนไทย ขณะเดียวกันก็ย้ายประชาชนเขมรออกจากพื้นที่ใกล้ๆ ชายแดน
หลังจากการปะทะกันผ่านไปนานพอสมควรทีเดียว กองทัพภาคที่ 2 ก็ออกมาจนได้แถลงด้วยถ้อยคำที่ราวกับนั่งพับเพียบเขียนว่า มีการยิงกัน ผมยังนั่งนึกในใจว่า ป่านนี้เขมรคงเผยแพร่ข่าวทางสากลทันทีว่า ไทยยิงก่อน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้โลกเชื่อ
และก็จริง-เพราะ พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา รีบตัดหน้าแถลงข่าวอย่างรวดเร็วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝ่ายทหารไทยเริ่มต้นแน่อน และเขมรก็เป็นเหยื่อที่น่าสงสาร ใครจะกล่าวหาว่าโกหกพกลมอย่างไร ก็หาได้ระคายผิวหน้าและเนื้อตัวของเธอทั้งสิ้น
แล้วเหมือนภาพซ้ำที่เกิดขึ้นทุกครั้ง คือ กองทัพไทยก็จะออกมาแถลงตอบโต้ประมาณว่าเขมร “เป็นฝ่ายเริ่มใช้อาวุธก่อน เชื่อว่ามีเป้าหมายเพื่อให้ฝ่ายไทยเกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย”
ฟังดูแล้วก็แปลกๆ เพราะในการปะทะกัน ถ้าการใช้อาวุธของฝ่ายหนึ่งไม่มีเป้าหมายให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บล้มตายแล้ว กะจะยิงเอาฮาหรืออย่างไรไม่ทราบ
และแน่นอน คำประเภทนี้ต้องมา “ยืนยันว่าการปฏิบัติการด้วยอาวุธของฝ่ายไทยยึดกรอบกฎการใช้กำลัง ความจำเป็นในการป้องกันตนเองตามหลักสากล และอยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองต่อการกระทำอันเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ”
ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเข้มๆ ของนักการเมืองไทย ด้วยมาดขึงขัง ท่าทีเหมือนจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ดูเผินๆ คล้ายเป็นความซ้ำแบบที่ฝรั่งเรียกว่า “เดจาวู” แต่ก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึกนึกคิดเป็นครั้งคราว มันเกิดขึ้นจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหตุการณ์เมื่อบ่ายวันอาทิตย์นั้น เป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์หน้าจอทีวีหลายคนคาดไว้ว่าจะเกิดขึ้น แต่จะเกิดตอนไหนไม่รู้ การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของเขมรครั้งนี้ จะเป็นเพราะสองพ่อลูกตระกูลฮุน ต้องการปลุกความชาตินิยมขึ้นมาอีกรอบ เพื่อเบี่ยงเบนความล้มเหลวทางเศรษฐกิจภายในกัมพูชา
หรือตระกูลฮุนสร้างสถานการณ์เพื่อหลบเลี่ยงจากสภาพเข้าตาจนในการครองอำนาจของตน โดยผลักไสทหารชั้นผู้น้อยของตนออกไปเหมือนเบี้ยบนกระดานหมากรุก เพราะเหลือทางถอยน้อยในระดับนานาชาติลงทุกที หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปนำเสนอข้อมูลประกอบคลิปเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดใหม่ของทหารเขมร ในที่ประชุมที่ออตตาวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง แต่สิ่งที่พี่น้องไทยที่อยู่อาศัยบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดูจะคิดเหมือนๆกันหมด อาจจะรวมถึงทหารชั้นผู้น้อยที่ประจำการอยู่แถบนั้น คือมันจะจบลงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเมื่อไหร่ จะได้ทำมาหากินอย่างปลอดโปร่งเสียที ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะต้องอพยพไป-กลับกันอยู่นั่นแหละ
ซึ่งนานเกือบครึ่งปีแล้ว ผู้ใหญ่ในกองทัพไทยก็ให้คำตอบไม่ได้เสียที
ทิวา สาระจูฑะ

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการในพระองค์ ฝ่ายทหารชั้น นายพล นั่งรองผู้บัญชาการ รร. ทม. รอ.
ไทยก้าวใหม่ ออกแถลงการณ์กรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
เปิดคลิปนาทีทหารไทย ยิงถล่ม อนุสาวรีย์ม้าทอง สัญลักษณ์กองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา
ห้ะ คิดได้ไง? สฤณี แขวะไทยรบเขมร เพราะ ฮุนเซ็น มีน้ำใจ
นิกรเดช บรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ให้แก่คณะทูตานุทูต

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี