วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หลายท่านคงมีเพื่อนเป็นตำรวจ เพื่อนที่เป็นตำรวจของท่าน คงมีทั้งที่เป็นตำรวจดีและตำรวจที่ไม่ค่อยดี
บางท่านอาจแย้งว่าไม่จริง แย้งว่าตำรวจดีมีเพียงนายเดียวที่ยืนตากแดดตากฝนอุ้มเด็กอยู่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาแล้ว 70 ปี
นี่คือตลกร้ายที่บั่นทอนจิตใจของตำรวจดีอีกหลายนายที่ยังตั้งใจทำงานในหน้าที่อย่างมีอุดมการณ์ ตำรวจดีบางนายก็ต้องทนทำงานภายใต้ความกดดันหลายด้าน บางนายทนไม่ไหวจริง ๆ ลาออกจากราชการไปเลยก็มี
เพื่อนคนหนึ่งของผม คือนายตำรวจที่ว่านี้
ย้อนหลังไปราว 30 กว่าปี ในงานเลี้ยงรุ่นของนักศึกษาเก่าคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ผมพบเพื่อนคนหนึ่งซึ่งทราบดีว่าเขาเป็นสารวัตรที่มีอนาคต นิสัยดี ฐานะการเงินดี มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงในด้านดี เพื่อนคนนี้สุภาพเรียบร้อยและถ่อมตนตั้งแต่เป็นนักศึกษากระทั่งเติบโตในหน้าที่ราชการ
ในวันนั้น เขาอุ้มลูกน้อยคนหนึ่งของเขาเข้ามาในงาน แต่งตัวธรรมดา ๆ เหมือนอยู่กับบ้าน ผมตรงเข้าไปถามสารทุกข์สุขดิบในฐานที่ไม่ได้พบเจอกันนาน ถามถึงหน้าที่การงานของเขาที่เพิ่งได้รับการโอนย้ายไปอยู่สถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร คำตอบที่ได้คือ
“เราลาออกมาแล้ว”
“ทำไม มีอะไรเหรอ ?”
“เราทนไม่ไหวว่ะ มันฝืนความรู้สึกเกินไป”
เขากลับมาใช้ชีวิตเรียบ ๆ กับครอบครัว เขามีความสุข และไม่เดือดร้อนเนื่องจากมาจากตระกูลที่มีฐานะดีอยู่แล้ว ความดีในตัวทำให้เขาตัดสินใจหันหลังให้กับตำแหน่งหน้าที่การงานในสถานีตำรวจที่นายตำรวจหลายนายใฝ่ฝันจะได้มาอยู่ เพราะเป็นสถานีตำรวจที่รับผิดชอบท้องที่ที่มีสถานบริการอาบอบนวด ผับ บาร์ คาราโอเกะ และแหล่งท่องเที่ยวของนักเที่ยวกลางคืนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเต็มไปหมด
เขียนถึงตอนนี้แล้ว ผมคิดว่าโชคดีที่เขาไม่ได้เป็นตำรวจทางหลวง ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องลาออกจากราชการตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นผู้กอง !
ทำไมหรือ ?
เรื่องของเรื่องก็คือ การทำงานของตำรวจทางหลวง ที่ผมเพิ่งประสบมาเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก่อนอื่นเราลองมาดูหน้าที่สำคัญ ๆ ของตำรวจทางหลวงกันก่อน
หน้าที่ของตำรวจทางหลวง ที่สำคัญก็คือ
1. การรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ พระราชอาคันตุกะและบุคคลสำคัญ
2. ตรวจตราความสงบเรียบร้อย ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
3. สืบสวนสอบสวนและปฏิบัติงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฏหมายอื่นอันเกี่ยวกับความผิดทางอาญาและจราจร
4. ตรวจตราดูแลทรัพย์สินของทางราชการ และควบคุมดูแลการใช้ทางหลวงและทางพิเศษให้เป็นไปตามกฏหมาย
5. ควบคุม กำกับ ดูแล จัดการจราจรและควบคุมมลภาวะให้เป็นไปตามกฏหมาย
6. บริการประชาชนผู้ใช้ทางให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในเขตทางหลวงที่อยู่ในอำนาจรับผิดชอบ
7. ให้ความรู้เกี่ยวกับกฏหมายจราจรแก่ประชาชนโดยทั่วไป และงานอำนวยการของหน่วย
8. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย
ในบรรดาหน้าที่สำคัญทั้ง 8 ประการข้างต้น สิ่งที่ประชานชนทั่วไปจับต้องได้กับการทำงานของตำรวจทางหลวง กลับกลายเป็นการตรวจจับความเร็วรถและส่งใบสั่งให้ประชาชนไปเสียค่าปรับ ซึ่งเป็นติ่งหน้าที่เล็ก ๆ หน้าที่หนึ่งที่แฝงไว้ในหน้าที่ข้อที่ 4 ข้างต้น
เป็นหน้าที่การงานที่ประชาชนทั่วไปมองเห็นและไม่ศรัทธา แต่ดูเหมือนตำรวจทางหลวงจะชอบทำ และเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติหน้าที่นี้มาก ลงทุนติดกล้องตรวจจับความเร็วเท่าที่จะหางบประมาณมาติดตั้งได้ เพื่อให้กล้องทำงานแทนตนแล้วออกใบสั่งตามไปเรียกเก็บค่าปรับ แต่เมื่อประชาชนไปเสียค่าปรับบ้างไม่ไปเสียค่าปรับบ้าง ก็เลยลงทุนขับรถเอากล้องเคลื่อนที่เพื่อจับความเร็วรถไปส่องจับข้างทาง แล้วส่งภาพเข้าไปยังมือถือของตำรวจอีกกลุ่มหนึ่งที่ตั้งด่านอยู่ข้างหน้าเพื่อโบกให้รถหยุดแล้วเรียกเก็บค่าปรับกันข้างทางนั้นเลย
ผมเจอเหตุการณ์นี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะขับรถกลับกรุงเทพฯ มาตามทางหลวงสายหนึ่งทางภาคเหนือ ผมถูกโบกให้หยุดที่ด่านเพื่อให้ไปเสียค่าปรับซึ่งมีตำรวจอีกชุดหนึ่งตั้งโต๊ะรับเงินค่าปรับฐานขับรถเร็วเกินกำหนดไว้ 4-5 โต๊ะ วันนั้นผมถูกแจ้งข้อหาว่าขับรถ 121 ก.ม. ต่อชั่วโมง ผมบอกว่าผมขับเกินไป 1 ก.ม. จะให้ผมควบคุมรถให้พอดี 120 ตลอดเวลาได้หรือ ตำรวจบอกว่า ที่นี่ไม่ใช่ 120 ครับ !
ข้าง ๆ รถผม มีรถอีกหลายสิบคันที่ถูกจับ จอดเรียงกันข้างถนนเต็มไปหมด ในเต้นท์ข้างถนนมีคนไม่ต่ำกว่า 20 คน นั่งรอเสียค่าปรับคนละ 500 บาท เป็นนักเดินทางแบบผมบ้าง เป็นคนท้องถิ่นที่นั่นบ้าง บางคนไม่มีเงิน ต้องโทรศัพท์กลับไปหาญาติให้ช่วยนำเงินมาให้ หลายคนสบถเบา ๆ มีชายสูงอายุคนหนึ่งแสดงความไม่พอใจอย่างมาก แกเอะอะโวยวายเป็นสำเนียงภาษาเหนือว่าทำให้เสียเวลาทำมาหากิน อยู่กรุงเทพฯ ขับเร็วกว่านี้ยังไม่เคยโดนจับ พร้อมทั้งว่ากล่าวการทำงานของตำรวจอยู่นาน
ผมนั่งรออยู่ราว 15 นาที จึงถึงคิวที่ถูกเรียกไปเสียค่าปรับเนื่องจากคนเยอะมากที่ถูกจับ และเมื่อเสียค่าปรับแล้วก็ยังต้องรอกระบวนการออกใบเสร็จและคืนใบขับขี่อีก
ผมถามตำรวจขณะจ่ายเงินค่าปรับว่า กระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีนโยบายจะแก้กฎหมายให้เพิ่มพิกัดความเร็วเป็น 120 ก.ม. ต่อชั่วโมงอยู่แล้ว ทั้งเปิดให้ทดลองวิ่ง 120 ก.ม. ในหลายเส้นทางทั่วประเทศ ทำไมที่นี่แทนที่จะตระเตรียมความพร้อมรองรับนโยบายส่วนกลาง กลับยังมานั่งส่องกล้องตรวจจับความเร็ว 90 ก.ม. กันอยู่อีก และผมขับแค่ 121 ก.ม. เพราะเห็นว่าทางหลวงหลายเส้นทางก็ให้ขับ 120 ตำรวจตอบว่า เขาเข้าใจ เขาเป็นผู้น้อยเป็นเหมือนหนังหน้าไฟ และยังว่า น่าจะกำหนดความเร็วให้เท่ากันไปเลยจะได้ไม่สับสนว่าตรงไหน 90 ตรงไหน 120 ผมเห็นตำรวจคนนี้ลึก ๆ แล้วก็อึดอัดใจในการทำหน้าที่วันนี้ของเขาเหมือนกัน เลยบอกว่า คุณดูสิ คนที่พวกคุณเอากล้องไปซุ่มจับความเร็วเขา เป็นคนทำมาหากินสุจริตกันทั้งนั้น ถนนก็กว้าง อุบัติเหตุเพราะการที่เขาขับรถเร็วเกินกำหนดที่คุณตั้งไว้ก็ไม่มี คุณเอาเวลาไปจับรถที่ขับแบบแซงซ้ายป่ายขวาไม่เคารพช่องทางการจราจรซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญให้เกิดอุบัติเหตุ เอาเวลาไปจับรถใหญ่รถพ่วงที่วิ่งกลางถนน วิ่งแข่งกับรถเก๋ง และบีบแตรเสียงประหลาด ๆ อย่างผิดกฎหมาย เอาเวลาไปจับรถควันดำที่ปล่อยควันเต็มถนนจนรถที่ตามมามองไม่เห็น หรือรถที่ไม่มีไฟท้ายแล้วออกมาวิ่งตอนกลางคืนให้เกิดอุบัติเหตุไม่ดีกว่าหรือ ?
ตำรวจนายนั้น ซึ่งน่าจะเป็นชั้นประทวนเพราะไม่มีดาวบนบ่า ยังไม่ทันพูดอะไรกับผม ก็พอดีทอนเงินให้ผมเสร็จและชายสูงอายุคนที่ผมกล่าวถึงเมื่อสักครู่ก็เดินมาเอ็ดตะโรที่ข้างโต๊ะนี้พอดี การสนทนาของเราจึงยุติลง
ก็แค่เล่าสู่กันฟังเท่านั้นครับ ตำรวจทางหลวง “ห่วงใยทุกชีวิต เป็นมิตรทุกเส้นทาง”
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส

เปิดโผ 99 ปาร์ตี้ลิสต์ส้ม 'เท้ง-ไหม-ต้น'นำทัพ คว้าเบอร์46 ลุยหาเสียงทันที
'เจษฎ์' เปิดใจเหตุรับแคนดิเดต รช. ยันพร้อมขึ้นเวทีดีเบตปะทะคู่แข่ง
ดูได้ที่นี่ เช็กรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ภูมิใจไทย
'ตั๊น จิตภัสร์'ลั่น! ไทยก้าวใหม่ไม่แตะ ม.112 เด็ดขาด ชูธงปกป้องสถาบันฯ เหนือสิ่งอื่นใด
ดูได้ที่นี่ เช็กรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี