เมื่อพูดถึงคุณภาพการเมืองไทย หลายท่านคงเห็นพ้องต้องกันว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตทางวัตถุของคนไทย
ในอดีต แม้ระบอบประชาธิปไตยไทยจะล้มลุกคลุกคลาน มีการก่อรัฐประหารสถาปนาอำนาจเผด็จการเป็นระยะ ๆ มีการกินจอบกินเสียม มีการขายสิทธิ์ซื้อเสียงด้วยปลาทูเค็มบ้าง รองเท้าแตะบ้าง แต่ในสมัยนั้น การเมืองไทยก็ยังมีนักการเมืองที่มีอุดมการณ์และมีศักดิ์ศรี ไม่ซื้อสิทธิ์ และไม่ขายตัว ยืนหยัดต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างไม่คิดถึงชีวิตตน ไม่ว่าจะเป็นนายเทพ โชตินุชิต นายเตียง ศิริขันธ์ นายแคล้ว นรปติ หรือครูครอง จันดาวงศ์
คนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยได้ยินชื่อของนักการเมืองในอดีตเหล่านี้ ควรหาเวลาไปเสาะค้นและศึกษา
ศึกษาให้ละเอียดแล้วจะรู้ว่า แม้คุณภาพชีวิตทางวัตถุของคนไทยในอดีต จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แม้รองเท้าแตะสักข้าง ปลาทูเค็มสักตัว ก็ยังมีราคามากพอจะซื้อสิทธิ์ของคนได้ง่าย ๆ แต่คุณภาพการเมืองในอดีตที่มีนักการเมืองที่มีอุดมการณ์และมีจุดยืนอันมั่นคงจำนวนไม่น้อย ทำให้คุณภาพการเมืองไทยในอดีตไม่ได้ย่ำแย่สักเท่าใดนักเมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตทางวัตถุในเวลาเดียวกัน
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคุณภาพการเมืองไทยในปัจจุบันและในระยะใกล้ ๆ ที่คนเอ๋อ ๆ ไม่ประสีประสาการเมือง ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ถ้ามีเงิน หรือคนที่วันหนึ่งเคยรังเกียจคนเลว ๆ ที่มาเล่นการเมือง แต่อีกวันหนึ่งก็ยอมรับคนเลว ๆ เหล่านั้นมาเป็นพรรคพวกได้เพื่อให้ตนได้เล่นการเมืองและอยู่ในอำนาจต่อ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ซึ่งจะลาสิกขาในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า สนใจการเมือง เพราะมองว่า การเมืองอยู่รอบตัว แต่ไม่อยากลง ส.ส. อยากเป็นโฆษกพรรคมากกว่า ตอนนี้ได้คุยกับนายวัน อยู่บำรุง แล้ว ซึ่งได้ยื่นข้อเสนอไป 3 ข้อ คือ 1. ใช้หนี้ให้ 10 ล้านบาท 2. มีเงินขวัญถุงให้ และ 3. มีเงินเดือนให้ทุกเดือน
พระมหาสมปองยังกล่าวอีกว่า “เราไม่ต้องแบ่งพรรคแบ่งพวก ข้อเสนอ 3 ข้อที่ยื่นไป ยังรอขั้นตอนการพูดคุยกับผู้ใหญ่ของพรรค ถ้าหากพรรคเพื่อไทยไม่ขยับ ก็มีเบอร์ของนายสิระ เจนจาคะ ก็อาจจะโทรหาแล้วไปอีกฝั่งหนึ่งเลยก็ได้”
คำให้สัมภาษณ์ของพระมหาสมปอง ได้รับการยืนยันจากนายวัน อยู่บำรุง ส.ส. พรรคเพื่อไทย เพียงว่ามีการไลน์ไปถามว่าจะสึกจริงหรือ และเมื่อทราบว่าพระมหาสมปองสนใจทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย ก็บอกว่าจะนำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคให้ ซึ่งต่อมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าส่วนตัวแล้วไม่ติดขัดที่พระมหาสมปองจะมาอยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่จะต้องดูกฎระเบียบของพรรคการเมืองว่าการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคในลักษณะที่มีเงื่อนไขจะเข้าข่ายระเบียบหรือไม่ โดยเฉพาะเงื่อนไขทั้งสามข้อ เพราะหากพรรคเพื่อไทยรับข้อเสนอไปก็อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องให้ยุบพรรคการเมืองได้
ท่าทีของพรรคเพื่อไทย แม้ลึก ๆ อาจอยากได้พระมหาสมปองมาอยู่ในทีมโฆษกเพราะพระมหาสมปองมีแฟนคลับนับล้าน แต่กระนั้นพรรคเพื่อไทยก็ดูจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเน้นถึงลักษณะต้องห้ามตามกฎระเบียบของพรรคการเมือง เพราะทราบดีว่าตนเป็นฝ่ายค้าน ทำอะไรผิดก็โดนเล่นงานได้ง่าย ๆ ไม่เหมือนสมัยมีอำนาจ ลักหลับออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแบบสุดซอยเพื่อช่วยทักษิณก็ทำมาแล้ว ยิ่งตอนนี้พี่ศรี นักร้องแห่งชาติออกมาขู่จะร้องถ้ามีพรรคไหนรับพระมหาสมปองเข้าพรรคพร้อมให้อามิสสินจ้างตามที่พระมหาสมปองตั้งเงื่อนไข
ต่างกับท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังมีอำนาจใหญ่คับฟ้า โดยนายสิระ เจนจาคะ รีบออกมารับลูกว่าตนได้นัดพูดคุยกับพระมหาสมปองแล้ว และเชื่อว่าถ้าพระมหาสมปองอยากทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง อยู่กับรัฐบาลจะทำประโยชน์ได้มากกว่า ส่วนเรื่องหนี้สินและข้อเสนอ 3 ข้อ ที่พระมหาสมปองระบุไว้นั้น ก็ไม่มีปัญหาหากจะมาทำงานด้วยจริง ก็พร้อมที่จะสนับสนุนเรื่องหนี้สิน 10 ล้านบาท วันนี้ตนเองเดินทางมาที่วัดโสธรฯ ก็จะใช้โอกาสนี้บนบานกับหลวงพ่อโสธร ด้วยไข่ 1,000 ฟอง ช่วยดลจิตดลใจให้พระมหาสมปองมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ
นี่แหละการเมืองไทย !
ใครใหญ่มันก็กล้าทำอะไรได้ทุกอย่าง ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองที่ตนเองออกมากดหัวประชาชน
ไม่นับการประกาศเชิญพระมหาสมปองมาเป็น โฆษกประจำตัวว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่า กทม. พรรคไทยศรีวิไลย์ ของคู่ปรับนายสิระ - นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ชอบหันหน้าเข้าหาแสงในทุกฉากของการเมือง
การเมืองไทยวันนี้ ไปไกลถึงขนาดที่คนปลงผมห่มเหลือง บวชเรียนมาจนได้เป็นมหา ออกมาเร่ขายตัวเองทั้งที่ยังอยู่ในผ้าเหลืองให้กับพรรคการเมือง 2 พรรค โดยที่พรรคหนึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านใหญ่ในสภา ในขณะที่อีกพรรคหนึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล เช่นนี้ ย่อมสะท้อนถึงจุดยืนและคุณภาพของผู้ขายสินค้าที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการการเมืองไทยในอนาคตได้เป็นอย่างดีฉันใด ท่าทีและการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐที่มีต่อพระมหาสมปอง ก็จะสะท้อนถึงระดับคุณภาพของการเมืองไทยปัจจุบันฉันนั้น
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
20 ธันวาคม 2564
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี