กลับเข้าสู่พงไพรอีกครั้งกับภาพยนตร์ตำนานของ มนุษย์ และ ผืนป่า ก่อนหน้านี้เป็น The Jungle Book (เมาคลีลูกหมาป่า) ของ วอลท์ ดิสนีย์ ที่เพิ่งสร้างความตื่นตาคราวนี้ UIP (ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล พิคเจอร์ส) จัดมากับเรื่องของ Legend of Tarzan (ตำนานแห่งทาร์ซาน)

ความยากคือการหยิบเนื้อหาที่คนทั่วโลกรู้จักมาเล่าใหม่ทำอย่างไรให้ ตัวละครเดิม น่าค้นหา...คาแร็กเตอร์ ฉาก และบรรยากาศต้องเรียกความตระการตา เพื่อให้สมกับคำขายที่ว่า Legend (ตำนาน)

โจทย์ยากตกอยู่กับ เดวิด เยตส์ ผู้กำกับฯ จากภาพยนตร์เวทมนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ 4 ภาคสุดท้าย จบหนังภาคต่อ ดูเหมือนจะเงียบหายไป ก่อนกลับมาพร้อมโปรเจกท์ใหญ่ Legend of Tarzan

เรื่องย่อของหนัง เล่าถึงเหตุการณ์หลังออกจากป่าของ ทาร์ซาน (อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด) เขาจากผืนป่าแอฟริกาเพื่อไปใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ เจน(มาร์โก้ ร็อบบี้) ภรรยาที่รัก ในฐานะของ จอห์น เคลย์ตัน ที่ 3 หรือ ลอร์ด เกรย์สโตก

แต่เมื่อ เมืองคองโก เกิดปัญหาการเมืองภายใน จอห์น เคลย์ตัน จึงถูกเชิญให้กลับไปที่คองโกอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่เป็นทูตพาณิชย์แห่งรัฐสภา โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่า กำลังตกเป็นเบี้ยบนกระดานของกัปตันชาวเบลเยียมจอมโลภ ลีออน รอม (คริสทอฟ วอลท์ซ)

พระเอกของเรื่อง อเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด จากซีรี่ส์ดัง True Blood ช่อง HBO เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างครบเครื่อง ทั้งสรีระรูปร่าง และการถ่ายทอดอารมณ์ เชื่อมได้ลื่นไหล จากขุนนางชาวอังกฤษผู้เคร่งขรึม ถูกลอกเปลือกกลับเป็นทาร์ซานเรียกความสนใจ แม้บทและการเล่าเรื่องจะยังไม่พีคโดนใจ แต่นักแสดงช่วยให้ Legend of Tarzan น่ามอง

ตัวเอกที่ซื้อใจ ยกให้คาแร็กเตอร์ของ จอร์จ วอชิงตัน วิลเลี่ยมส์ รับบทโดย ซามูเอล แอล. แจ็คสัน นักแสดงผิวสีคนนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ปรากฏกายในหนังทุกครั้งล้วนย้ำถึงคุณภาพคับจอ

เรื่องราวการต่อยอดจากต้นฉบับ เป็นอีกส่วนที่จับให้ผู้ชมร่วมค้นหา โดยมีเรื่องของแสง สี สเปเชียลเอฟเฟกท์ที่หวือหวา สมราคาทุนสร้าง 180 ล้านเหรียญ

บทอ่อน แต่โปรดักชั่นเด่น Legend of Tarzan เน้นที่ความอลังการได้คุ้มค่า โดยเฉพาะซีนที่พาเข้าผืนป่า มนต์เสน่ห์อบอวลด้วยองค์ประกอบภาพ และดนตรีประกอบชวนเพลิน

หนังวางแนวที่ ดราม่าแอ๊กชั่น เพราะฉะนั้นความสนุกหรรษาอาจไม่เท่าที่คาดหวังไว้ แต่ Legend of Tarzan เหมาะกับความบันเทิงเพื่อผู้ใหญ่ ที่พร้อมหลุดโลกไปจากสังคมเมือง