วันที่ 10 ธันวาคม 2562 เว็บไซต์ นสพ. The Gulf Times ของกาตาร์ เสนอข่าว “No pain, no fame: Thai massage could get UNESCO status” ระบุว่า ในการประชุมองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่กรุงโบโกตา ประเทศโคลัมเบีย ระหว่างวันที่ 9-14 ธ.ค. 2562 นั้นต้องลุ้นกันว่า “นวดแผนไทย (Thai Massage)” จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกประเภทวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้หรือไม่
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่ประเทศไทยตั้งแต่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ไปจนถึงเมืองชายหาดทางใต้อย่างภูเก็ต หรือตั้งแต่สปาในรีสอร์ทหรูหราไปจนถึงร้านข้างถนน จะสามารถพบเห็นบริการนวดแผนไทยได้แทบทุกหัวระแหง โดยมีค่าบริการที่ 5 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150 บาทต่อชั่วโมง ซึ่ง Krairath Chantrasri ชายวัย 40 ปี ปัจจุบันเป็นครูสอนวิชาการนวดที่วัดโพธิ์ กล่าวว่า ตนภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาโบราณนี้ โดยผู้ผ่านการอบรมจะได้ใบรับรองจากทางวัด ซึ่งก็เป็นเครื่องหมายที่บรรดาร้านนวดภูมิใจเช่นกัน
ในแต่ละปีมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินับพันคนมาสมัครเรียนนวดแผนไทยที่วัดโพธิ์ ผู้เข้ารับการอบรมจะต้องจดจำจุดต่างๆ บนร่างกายสำหรับใช้นิ้วหัวแม่มือ ข้อศอกและหัวเข่ากด รวมถึงเรียนการยืดเหยียดร่างกาย การนวดแผนไทยนั้นมีตำนานเล่าย้อนไปได้ถึง 2,500 ปีก่อนในประเทศอินเดีย ซึ่งแพทย์และพระสงฆ์ได้นำเข้ามาสู่ประเทศไทยและถ่ายทอดไปตามวัดหรือบ้าน
กระทั่งราวคริสต์ศตวรรษที่ 19 (ช่วงปี 2343-2442) หรือประมาณเกือบ 200 ปีก่อน ในยุคสมัยกษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของประเทศไทย บรรดานักวิชาการได้จารึกความรู้ด้านต่างๆ ลงบนแผ่นหินภายในวัดโพธิ์ อย่างไรก็ตาม การฝึกอบรมนวดแผนไทยอย่างเป็นทางการเพิ่งมาเริ่มในปี 2505 และหลังจากนั้นวัดโพธิ์ได้สร้างนักบำบัดด้วยการนวดไปแล้วมากกว่า 2 แสนคน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้กระจายกันไปอยู่ใน 145 ประเทศทั่วโลก
Preeda Tangtrongchitr ผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกสอนการนวดแผนไทยในวัดโพธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี คนไทยจะให้ความสนใจกับศาสตร์แขนงนี้ โดยเฉพาะคนพิการหรือคนที่มีหนี้สิน งานนี้คือโอกาสเพราะไม่ต้องอาศัยวัสดุอุปกรณ์อะไร นอกจากสองมือและความรู้เท่านั้น อนึ่ง ในสปาชั้นนำของไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดสามารถทำเงินได้ถึง 100 เหรียญสหรัฐ หรือราว 3,050 บาทต่อชั่วโมง แต่ในที่ที่กิจการนวดแผนไทยได้รับความนิยมอย่างกรุงลอนดอนของอังกฤษ เมืองนิวยอร์คในสหรัฐอเมริกา หรือเกาะฮ่องกง จะได้มากกว่านั้น 2-3 เท่าเลยทีเดียว
แต่อาชีพนักบำบัดด้วยการนวดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ Chilean Sari หญิงวัย 34 ปี ที่เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียนการนวดแผนไทย กล่าวว่า การนวดเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงและมีหลายจุดที่ต้องระวัง โดยการฝึกอบรมเน้นการควบคุมการไหลเวียนของเลือดในจุดที่มีปัญหาเพื่อแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังการฝึกฝนพบว่าช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับและวิตกกังวลได้ ขณะที่ แมทธิว โรชโฟล (Matthieu Rochefolle) บุรุษพยาบาลชาวฝรั่งเศส เห็นว่า ทักษะการนวดอาจช่วยบรรเทาความเจ็บแก่ผู้สูงอายุได้ แน่นอนว่ามันน่าจะช่วยให้ตนมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ขอบคุณเรื่องจาก : https://www.gulf-times.com/story/650054/No-pain-no-fame-Thai-massage-in-for-Unesco-status
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี