เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ นสพ.The Japan Times ของญี่ปุ่น เสนอข่าว “Plastic piles up in Thailand as virus fight sidelines pollution battle” ระบุว่า การปิดสถานที่ต่างๆ และเรียกร้องให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ปริมาณขยะพลาสติกในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการสั่งซื้ออาหารและสินค้าทางออนไลน์ อาทิ ในกรุงเทพฯ ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62 ในเดือน เม.ย. 2563 หรือตลอดเดือนดังกล่าว เมืองหลวงของไทยมีขยะพลาสติก 3,432 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณขยะเฉลี่ยตลอดปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 2,115 ตัน
ขยะพลาสติกที่พบมีตั้งแต่ถุงพลาสติก ภาชนะ ขวดและถ้วย ซึ่งวิจารย์ สิมาฉายา (Wijarn Simachaya) ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่กลายเป็นเรื่องน่ากังวลมาก การรณรงค์ไม่ใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งของไทยได้กลับมาสู่จุดเดิมอีกครั้ง แม้กองขยะโดยรวมจะมีขนาดเล็กลงเนื่องจากกิจการจำนวนมากหยุดชะงัก แต่หากนับเฉพาะขยะพลาสติกอย่างเดียวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 30 ในปี 2563 จากค่าเฉลี่ย 2 ล้านตันต่อปี
วราวุธ ศิลปอาชา (Varawut Silpa-archa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยอมรับความพ่ายแพ้ในการจัดการกับปัญหาขยะพลาสติก เพราะต้องทุ่มกำลังไปกับการรับมือโรคระบาดก่อน แต่ก็หวังว่าในอนาคตจะดีขึ้น ขณะที่ ศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ (Siwat Luangsomboon) นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีแผนลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้งลงร้อยละ 30 แต่ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจากการใช้บริการสั่งอาหาร ทำให้อาจไม่สามารถกลับไปอยู่บนเส้นทางนั้นได้อีก
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กิจการส่งอาหารจะเติบโตร้อยละ 33 คิดเป็นมูลค่า 139 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4.5 พันล้านบาทในเวลาเพียงเดือนเดียว สอดคล้องกับบรรดาแอพพลิเคชั่นรับ-ส่งสินค้า อาทิ ไลน์แมน (Line Man) ในเครือไลน์ (Line) บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ยอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 300 ในช่วงการใช้มาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) ปิดกิจการต่างๆ ให้เหลือไว้เท่าที่จำเป็น ระหว่างเดือน มี.ค.-เม.ย. 2563
ขณะที่ แกร็บ (Grab) บริษัทสัญชาติสิงคโปร์ ยอดผู้ใช้บริการรับ-ส่งอาหารสูงขึ้นร้อยละ 400 ในสัปดาห์แรกของการล็อกดาวน์ แต่หลังจากนั้นก็ลดลงสู่ระดับปกติเพียงเล็กน้อย ด้าน ฟู้ดแพนด้า (Foodpanda) มียอดใช้บริการในเดือน มี.ค. 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากเดือน ก.พ. ปีเดียวกัน และเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 ในเดือน เม.ย. 2563 อีกทั้งการทำธุรกรรมรายสัปดาห์พุ่งสูงที่สุดในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. 2563
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ถูกระบุว่ามีส่วนสำคัญในการก่อปัญหาขยะในทะเลและมหาสมุทร ปัญหาการจัดการขยะที่ไม่ดีได้รับผลกระทบกะทันหันจากปริมาณขยะพลาสติกในสถานการณ์โรคระบาด ดั๊ก เครส (Doug Cress) รองประธานกลุ่มอนุรักษ์มหาสมุทรที่มีถิ่นฐานในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ความเสียหายน่าจะมีความสำคัญในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดมลภาวะในมหาสมุทร เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถึงกระนั้น ยังไม่มีข้อมูลปริมาณขยะพลาสติกกับสถานการณ์โรคระบาดในประเทศอื่นๆ นอกจากไทย
ทั้งนี้ จีนคือประเทศที่ก่อปัญหาขยะในทะเลและมหาสมุทรมากที่สุดในโลก แต่รองลงมาเป็นประเทศในอาเซียนถึง 4 ชาติ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทยและเวียดนาม ในปี 2558 ประเทศเหล่านี้ก่อปัญหาในขยะทะเลและมหาสมุทรคิดเป็นครึ่งหนึ่งของปริมาณขยะในทะเลและมหาสมุทรทั้งหมด จีนนั้นไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดว่าด้วยปริมาณขยะพลาสติกที่เชื่อมโยงกับบริการรับ-ส่งสินค้าถึงบ้าน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 ใน 4 ระหว่างเดือน มี.ค.-เม.ย. 2563 กระทรวงสิ่งแวดล้อมของจีนกำลังเร่งเพิ่มศักยภาพในการจัดการกับขยะทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขอบคุณเรื่องจาก ... https://www.japantimes.co.jp/news/2020/05/12/asia-pacific/plastic-thailand-coronavirus-pollution/#.XrpUw9SLRkg
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี