'จีน'ยกย่องการเสด็จฯเยือนครั้งประวัติศาสตร์ของกษัตริย์ไทย สัมพันธ์2ประเทศดุจครอบครัวเดียวกัน

'จีน'ยกย่องการเสด็จฯเยือนครั้งประวัติศาสตร์ของกษัตริย์ไทย สัมพันธ์2ประเทศดุจครอบครัวเดียวกัน

วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 09.42 น.

17 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าว Global Times สื่อทางการของประเทศจีน ได้ออกมาเผยแพร่บทความจากกองบรรณาธิการ ภายในหัวข้อ "การเสด็จเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทยคาดว่าจะเปิดหน้าบทใหม่แห่งมิตรภาพจีน-ไทย" โดยมีเนื้อหาระบุเกี่ยวกับการเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อยู่ในความสนใจของประชาคมโลก โดยมีการรายงานข่าวอย่างกว้างขวางจากทั้งสำนักข่าวจีน สำนักข่าวไทย รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศ

ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งราชอาณาจักรไทย เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการระหว่างวันพฤหัสบดี ถึงวันจันทร์ (13-17 พฤศจิกายน) การเสด็จเยือนครั้งนี้ได้รับรายงานอย่างกว้างขวางจากทั้งสื่อจีนและสื่อไทย รวมถึงความสนใจอย่างมากจากสื่อต่างประเทศ ซึ่งเหตุใดการเสด็จเยือนครั้งนี้จึงอยู่ในความสนใจของประชาคมโลก


Thai PBS World รายงานว่า การเสด็จเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้จะ "เขียนบทใหม่ในมิตรภาพจีน-ไทย" (write a new chapter in China-Thailand friendship.)นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1975 ราชวงศ์ไทยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์จีน-ไทย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ได้รับเหรียญมิตรภาพของจีน ได้เสด็จเยือนประเทศจีนมาแล้วมากกว่า 50 ครั้ง

การเสด็จเยือนจีนของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลปัจจุบันเสด็จเยือนจีน นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งนับเป็นการเติมเต็มช่องว่างสำคัญในประวัติศาสตร์การแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศ

นับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 2016 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการเพียงครั้งเดียว คือ ประเทศภูฏาน โดยจีนเป็นประเทศใหญ่ประเทศแรกที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนอย่างเป็นทางการ นี่แสดงให้เห็นถึงประเพณีแห่งมิตรภาพอันลึกซึ้งที่ราชวงศ์ไทยมีต่อประเทศจีน

เกอ หงเหลียง รองผู้อำนวยการวิทยาลัยอาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี ให้สัมภาษณ์กับ Global Times ว่า ปี 2025 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย ซึ่งถือเป็น 'กาญจนาภิเษกแห่งมิตรภาพจีน-ไทย'

"การเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งประวัติศาสตร์นี้ แสดงให้เห็นว่าแนวคิด จีนและไทยใกล้ชิดดุจครอบครัวเดียวกัน ได้ยกระดับสู่ความแน่นแฟ้นใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม" เกอ หงเหลียง กล่าว

เหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจึงถูกเรียกว่า "ครอบครัวเดียวกัน" และยังคงพัฒนาอย่างแข็งแกร่งตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา? เกอ ระบุว่าสิ่งนี้เป็นผลมาจากแนวคิดปฏิบัตินิยมที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่น โดยในปี 1975 ทั้งสองประเทศได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการปฏิบัตินิยม ด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ก้าวข้ามข้อจำกัดจากสงครามเย็นและความแตกต่างทางอุดมการณ์ นับแต่นั้นมา แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในภูมิทัศน์ทางการเมืองของไทย แต่ความสัมพันธ์จีน-ไทยก็ยังคงแข็งแกร่ง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของผู้นำระดับสูงด้านยุทธศาสตร์ แนวคิด จีนและไทยใกล้ชิดดุจครอบครัวเดียวกัน ได้แปรเปลี่ยนเป็นกำลังในการขับเคลื่อนที่ทรงพลังสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี ประเทศไทยได้ส่งเสริมความร่วมมือหลายแง่มุม ครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับจีน

ด้านความมั่นคง จีนและไทยได้จัดการฝึกซ้อมร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ ในด้านเศรษฐกิจ ไทยเป็นประเทศอาเซียนประเทศแรกที่ดำเนินการตามข้อตกลงการค้าเสรีกับจีน ส่วนทางด้านการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนสู่ประชาชน ความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในทุกหนแห่ง

ประเทศไทยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเสด็จพระราชดำเนินเยือนของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงแต่เป็นการสานต่อมิตรภาพอันดีงามตามประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณสำคัญต่อประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ว่าจีนเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ของทุกประเทศในภูมิภาคมาโดยตลอด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน

จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทูตในภูมิภาค ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้ในวาระทางการทูตเสมอมา และยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างมิตรภาพและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ การพัฒนา และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้คาดว่าจะยกระดับความร่วมมือระหว่างจีนและไทยไปสู่อีกขั้นหนึ่งของการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงขึ้น

กำหนดการเสด็จพระราชดำเนินเยือนของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งรวมถึงการเสด็จเยือนเมืองอวกาศแห่งกรุงปักกิ่ง และศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงเจตนารมณ์ของทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมความร่วมมือใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศและปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการด้านการพัฒนาของทั้งสองประเทศ

จีนมีความได้เปรียบทางเทคโนโลยีในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีการบินและอวกาศ เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสีเขียว ขณะที่ไทยกำลังส่งเสริมยุทธศาสตร์  'ไทยแลนด์ 4.0' อย่างแข็งขัน ทั้งสองฝ่ายมีขอบเขตความร่วมมือที่กว้างขวางในกระบวนการเปลี่ยนแปลงและยกระดับ

การเสด็จเยือนของพระมหากษัตริย์ไทยส่งสารที่ชัดเจนไปยังทั่วโลกว่า จีนคือ "เพื่อนบ้านที่ไม่หวั่นไหว" และเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน แนวทางนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความเคารพซึ่งกันและกันและความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ จะไม่เพียงแต่เขียนบทใหม่ให้กับโชคชะตาร่วมกันของจีนและไทยเท่านั้น แต่ยังมอบภูมิปัญญาตะวันออกที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วสำหรับปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top