สุวรรณภูมิในอดีต ไม่รู้จักคำว่า “พรมแดน” หรือ “ประเทศ” แบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน หากแต่ผืนแผ่นดินและผู้คนล้วนเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่ายแห่งวัฒนธรรม ศรัทธา และการคมนาคมที่สานรวมอารยธรรมหลากหลายในภูมิภาคเข้าด้วยกัน “ราชมรรคา” เส้นทางหลวงโบราณพันปี คือหนึ่งในรากฐานสำคัญของความเชื่อมโยงดังกล่าว โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักที่ทอดยาวจากวิมายปุระ (พิมาย) สู่ศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรขอมที่นครวัด ซึ่งมิใช่เพียงทางเดินของกองทัพหรือกองเกวียนขนเกลือ หากคือเส้นเลือดหล่อเลี้ยงอารยธรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในยุคนั้น
พิมาย: เมืองแม่บทก่อนนครวัด
ก่อนที่นครวัดจะปรากฏเป็นปราสาทหินชื่อดังในประวัติศาสตร์ เมืองพิมาย หรือวิมายปุระ กลับก่อรูปมาก่อน เมืองพิมายแห่งนี้ตั้งอยู่ริมลำจักราชและแม่น้ำมูล ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของดินแดนอุดมสมบูรณ์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” มาแต่โบราณ ความชุ่มชื้นของดิน น้ำ และความสามารถของชาวพื้นเมือง ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จากหลักฐานชิ้นส่วนสัตว์โลกล้านปีเช่นเสือเขี้ยวดาบ และเต่ายักษ์ ที่บ่อทราย บ้านตะกุดขอน หรือโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่บ้านธารปราสาท แสดงถึงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์เมื่อกว่า 3,000 ปีมาแล้ว ขุดเรืออีโปงจากต้นตาลเพื่อใช้สัญจรไปตามลำน้ำ ตอกย้ำความเก่าแก่และความสามารถในการปรับตัวต่อภูมิประเทศที่ชาญฉลาด
ราชมรรคา: เส้นทางขนส่งเกลือ เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา ปลาร้า และวัฒนธรรม
ราชมรรคาไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางของขบวนราชรถหรือทัพศึก แต่ยังเป็นโครงข่ายเศรษฐกิจที่มีชีวิตชีวา เครื่องปั้นดินเผาพิมายดำ และเตาถลุงแร่เหล็กใกล้เส้นทาง พิสูจน์ถึงความสามารถทางเทคโนโลยีอันชาญฉลาดของคนโบราณ ชาวอีสานแถบทุ่งกุลาร้องไห้และแม่น้ำสงคราม ใช้เกวียนเทียมวัวขนเกลือสินเธาว์ ผ่านเส้นทางราชมรรคาสู่หมู่บ้านริมทะเลสาบเขมร เพื่อใช้ในการผลิต “ปราฮก” หรือปลาร้าที่เป็นเครื่องปรุงพื้นฐานของครัวเขมรและอีสานจนถึงปัจจุบัน ขบวนวัวเกวียนเหล่านี้มิใช่เพียงผู้ค้า แต่ยังทำหน้าที่เป็นพาหะทางวัฒนธรรมที่นำความเชื่อ ภาษา งานหัตถกรรม และเทคนิคการเกษตรระหว่างดินแดนพรมแดนให้ทำการแลกเปลี่ยนและผสมกลมกลืน
นอกจากนี้ ราชมรรคา ยังเอื้อให้เกิดการเผยแพร่ศิลปะและศาสนา ตั้งแต่ยุคของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และ 2 ที่นำพาศิลปะแบบไวษณพที่เป็นลัทธิบูชาพระวิษณุเข้าสู่อีสาน ปราสาทหินพิมายนั้นแม้จะเป็นพุทธสถานมหายาน แต่ก็รับอิทธิพลศิลปะเขมร ชวา และอินเดียอย่างกลมกลืน ผ่านภาพแกะสลัก เทวรูป และการวางผังเมืองที่สะท้อนทั้งความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของภูมิภาค
การเมืองระหว่างแผ่นดิน เบื้องหลังความรุ่งเรืองของราชมรรคา ยังมีบริบทของสายเลือดและการสืบอำนาจที่แผ่ขยายไปทั้งสองฝั่งของเทือกเขาพนมดงรัก ราชวงศ์มหิธรปุระ (Mahidharapura) ซึ่งเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ขอมสำคัญหลายพระองค์ เช่น พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และ 7 มีบทบาทในการขยายอิทธิพลผ่านศาสนา สถาปัตยกรรม และการปกครองที่รวมศูนย์อย่างมีแบบแผน ในขณะที่ราชวงศ์ตระซ๊อกประแอม (Trasak Paem) ซึ่งถือเป็นราชวงศ์ของเขมรในยุคถัดมา มีบทบาทในการฟื้นคืนอำนาจท้องถิ่นและรูปแบบการปกครองแบบผสมผสานกับอิทธิพลของอาณาจักรอื่นอย่างอยุธยา ทำให้ราชมรรคาในช่วงหลังไม่เพียงรับบทเป็นทางเดินของสินค้า หากแต่เป็นเวทีทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์
เส้นทางแห่งความทรงจำ แม้เมื่อกาลเวลาล่วงเลย เส้นทางราชมรรคาจะเงียบเหงาไปตามการเสื่อมถอยของอาณาจักรขอม โดยเฉพาะในปลายสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 (ราว พ.ศ. 1821–1845) แต่ซากหลักหิน บาราย และหมู่บ้านที่ยังดำรงอยู่บริเวณสองฝั่งเส้นทางโบราณ ยังยืนหยัดเป็นพยานแห่งอารยธรรม
วันนี้ พิมายยังคงเป็นเมืองเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของปราสาทหินพิมาย สมบัติแห่งชาติที่ดึงดูดผู้มาเยือนทั้งเพื่อชมสถาปัตยกรรม และสัมผัสมรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงเต้นอยู่ในจังหวะของราชมรรคา เส้นทางที่ไม่เพียงเชื่อมเมืองต่อเมือง แต่เชื่อมใจของคนสองแผ่นดินเข้าด้วยกันผ่านกาลเวลาที่ผ่านไป
โดย สุริยพงศ์
ขอบคุณภาพจาก อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย , วิกิพีเดีย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี