ประวัติศาสตร์กัมพูชายุคปัจจุบัน (พุทธศตวรรษที่ 21-25) เป็นช่วงที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญ เริ่มด้วยการเป็นประเทศราชของสยาม ตามด้วยการตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และการครอบครองระบบเขมรแดงจนถึงการฟื้นฟูประเทศ
สมัยฟูนัน เจนละและขอมโบราณ ดินแดนกัมพูชามีคนอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยหินราว 5,000 ปีมาแล้ว และเมื่อราว 2,000 ปีมาแล้ว ในดินแดนสุวรรณภูมิที่เป็นประเทศไทย ลาว และกัมพูชาในปัจจุบัน มีอาณาจักรฟูนัน (พุทธศตวรรษที่ 5-11) เจนละ (พุทธศตวรรษที่ 11-13) และขอมโบราณ (พุทธศตวรรษที่ 13-18) ที่มีอาณาเขตครอบคลุมประเทศกัมพูชาและประเทศไทย นิยมสร้างปราสาทหินบูชาเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ฮินดู เช่น ปราสาทภูมิโปน (พุทธศตวรรษที่ 12) ที่ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ปราสาทวัดพู (พุทธศตวรรษที่ 12) ที่แขวงจำปาสัก ปะเทศลาว ปราสาทเขาพระวิหาร (พ.ศ.1432-1581) ที่ศรีสะเกษ ปราสาทพนมรุ้ง (พุทธศตวรรษที่ 15-17) ที่บุรีรัมย์ ปราสาทหินพิมาย (พ.ศ.1650) ที่นครราชสีมา ปราสาทหินนครวัด (พ.ศ.1656 - 1693) ปราสาทนครธม (1724 - 1763) ที่กัมพูชา
สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี
พุทธศตวรรษที่ 18 หลังสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 อาณาจักรขอมที่เมืองพระนครของราชวงศ์มหิธรปุระที่นิยมสร้างปราสาทหินเริ่มเสื่อมอำนาจ เกิดการปฏิวัติของพวกทาสและชาวนา นำโดย นายแตงหวาน ซึ่งเป็นต้นราชวงศ์ ตระเซาะผแอม ที่เป็นต้นตระกูลนโรดมที่ครองกัมพูชาในปัจจุบัน ยกเลิกการสร้างปราสาทหิน ดินแดนที่เคยอยู่ในปกครองของขอมโบราณพากันตั้งตัวเป็นอิสระ เช่น กรุงสุโขทัย (พ.ศ.1800) และกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.1893)
พ.ศ.1912 พระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงให้พระราเมศวร พระโอรส ที่ครองเมืองละโว้ (ลพบุรี) และขุนหลวงพะงั่วที่ครองเมืองสุพรรณบุรี ยกทัพไปตีกรุงศรียโสธรปุระ หรือเมืองพระนครหลวงของกัมพูชาได้ พ.ศ.1974 กัมพูชาตกเป็นประเทศราชของสยาม โดยเจ้าสามพระยาทรงยกทัพไปตีเมืองพระนครหลวงของกัมพูชาอีก เพราะเขมรมากวาดต้อนคนตามชายแดนกรุงศรีอยุธยาไป ทำให้กรุงศรีอยุธยามีชัยชนะเหนือกัมพูชาที่เคยมีอิทธิพลยิ่งใหญ่อย่างเด็ดขาด ต้องย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองปาสาน แล้วย้ายต่อไปยังกรุงพนมเปญ พ.ศ.2136 สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงยกทัพไปยึดเมืองละแวกเมืองหลวงของกัมพูชาได้ พ.ศ.2324 สมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ยกทัพไปยึดเมืองเสียมราฐและพระตะบองได้ พ.ศ.2376 สมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าพระยาบดินทร์เดชายกทัพไปทำสงครามอานามสยามยุทธ กับเขมรและญวน สงครามยืดเยื้ออยู่ 14 ปี ไม่มีผู้ใดชนะเด็ดขาดจึงเลิกรากันไปเอง พ.ศ.2404 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนา พระนโรดมหริรักษ์รามาธิบดี ไปครองเมืองเขมร
การเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส
พ.ศ.2406 พระนโรดมพรหมบริรักษ์ ทรงนำกัมพูชาเข้าไปอยู่เป็น “รัฐในอารักขา” (Protectorate) ของฝรั่งเศสสมัยพระเจ้านโปเลียนที่ 1 เพื่อหนีจากอำนาจของสยาม อ้างว่าอยู่กับสยามไม่มีความสุข เกิดกรณีพิพาทสยามฝรั่งเศส ร.ศ.112 ทำให้สยามต้องเสียดินแดนเขมรและเกาะอีก 6 เกาะให้ฝรั่งเศส
สงครามเวียดนาม และการปฏิวัติของลอน นอล
ในช่วงสงครามเวียดนาม (พ.ศ.2503 - 2518 ) เจ้านโรดมสีหนุ ประมุขของกัมพูชาในขณะนั้น ประกาศเป็นกลาง แต่เวียดนามเหนือใช้พื้นที่ทางตะวันออกของกัมพูชาเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกำลังพลไปโจมตีเวียดนามใต้ ทำให้สหรัฐอเมริกาใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดในกัมพูชาเพื่อตัดเส้นทางเสบียงของเวียดนามเหนือ พ.ศ.2513 นายพล ลอน นอล ด้วยการสนับสนุนของสหรัฐอเมริกา ได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากเจ้านโรดมสีหนุ แต่รัฐบาลลอนนอลอ่อนแอและทุจริต ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง
เขมรแดงโค่นลอน นอล และยุคของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
การทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ และความไม่มั่นคงของรัฐบาลลอน นอล ทำให้กลุ่มคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงที่รู้จักกันในชื่อ เขมรแดง เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 17 เมษายน 1975 เขมรแดงภายใต้การนำของ พอล พต สามารถยึดกรุงพนมเปญได้สำเร็จและโค่นล้มรัฐบาลของลอน นอล ได้สำเร็จ พอล พต พร้อมด้วยผู้นำคนสำคัญ เช่น เอียง ซารี และ เขียว สัมพัน ได้จัดตั้งรัฐบาลกัมพูชาประชาธิปไตย และพยายามสร้างสังคมเกษตรกรรมแบบบริสุทธิ์โดยการอพยพประชาชนออกจากเมืองทั้งหมด บังคับใช้แรงงานอย่างหนัก ประชาชนถูกบังคับให้ออกจากเมืองไปทำงานในไร่นา และกำจัดผู้เห็นต่างอย่างโหดเหี้ยม ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Cambodian genocide) มากกว่า 1.5 ล้านคน
เวียดนามบุกกัมพูชา
พ.ศ.2521 ความขัดแย้งระหว่างเขมรแดงและเวียดนามได้ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้เวียดนามส่งกองทัพบุกกัมพูชาเพื่อโค่นล้มระบอบเขมรแดง ในเดือนมกราคม 2522 กองทัพเวียดนามสามารถยึดกรุงพนมเปญและโค่นล้มรัฐบาลเขมรแดงได้สำเร็จ หลังจากนั้น เวียดนามได้แต่งตั้ง เฮง สัมริน และ ฮุน เซน ซึ่งเคยเป็นสมาชิกเขมรแดงมาก่อนแต่เปลี่ยนฝ่ายมาอยู่กับเวียดนามให้เป็นผู้นำคนสำคัญของรัฐบาลใหม่ พวกเขมรแดงบางคนถูกจับดำเนินคดี แต่ส่วนใหญ่หนีไปอยู่ตามค่ายอพยพชายแดนไทย กัมพูชา เช่น ที่บ้านหนองจาน หนองเสม็ด เขาอีด่าง ไซด์2 ไซด์ 3 โดยสหประชาชาติให้การสนับสนุน สร้างที่พักขนาดใหญ่จุคนกว่าแสนคน เวียดนามได้ส่งทหารมาโจมตีค่ายอพยพเหล่านี้ เพราะเป็นที่สะสมอาวุธและเสบียงอาหาร บางครั้งก็มีการปะทะกับทหารไทย แต่ต่อมาเวียดนามก็ได้ถอนกำลังออกจากกัมพูชา
การสิ้นสุดสงครามกลางเมืองและการปกครองของฮุน เซน
รัฐบาลใหม่ได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา และมีการปกครองภายใต้อิทธิพลของเวียดนามเป็นเวลานานหลายปี ซึ่งทำให้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลใหม่กับเขมรแดงที่หลบหนีไปตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา การเจรจาสันติภาพเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพที่ปารีสในปี 1991 ทำให้มีการจัดตั้งรัฐบาลผสมและมีการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2537 ฮุน เซน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2528 จนถึงปี 2566 เขาได้สร้างเสถียรภาพและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับกัมพูชา แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการจำกัดเสรีภาพทางการเมืองอย่างกว้างขวาง ในปี 2566 ฮุน มาเนต บุตรชายของฮุน เซน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจากบิดา และถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองของกัมพูชา
พ.ศ.2568 เกิดข้อขัดแย้งเรื่องเขตชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะยึดถือแผนที่ต่างฉบับกัน กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลกให้ตัดสิน แต่ฝ่ายไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก เพราะเคยเสียดินแดนเขาพระวิหารมาก่อนแล้ว จึงมีการปะทะกันด้วยกำลังทหารและเครื่องบินที่ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย สัตตะโสม ช่องอานม้า และที่อื่นๆ ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตไปกว่าสิบคน ส่วนฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิตราว 3,000 คน
โดย สุริยพงศ์
ภาพจากเพจเฟสบุ๊ก อารยธรรมรอบโลก , มิวเซียมไทยแลนด์ , wikipedia
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี