เข้าสู่ปีใหม่ 2022 ขอให้ทุกท่านเต็มไปด้วยความสุขใจมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยใดๆ ทั้งปวง และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและความรับผิดชอบทุกสิ่ง โดยส่วนตัว เชื่อเหลือเกินว่า 2022ปีนี้จะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับโลก ในแง่มุมที่งดงาม และหวังใจให้เป็นเช่นนั้น
มาที่เรื่องของการบอกเล่าข่าวสาร และความเคลื่อนไหวของโลกที่น่าสนใจ ดังที่สื่อสารกันมาตลอดทั้งปี 2021 นั้น ก็คงต้องขอใช้พื้นที่ตรงนี้ อันประจวบเหมาะกับการเริ่มต้นของปี ในการนำเสนอเหตุการณ์สำคัญของปีที่ผ่านมา (2021) อันมีอิทธิพลต่อโลก ผู้คน และธรรมชาติ ตามวันเวลาบนปฏิทิน ดังนี้
เริ่มกันที่ต้นปี 2021 ตรงกับวันที่ 6 มกราคม หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในวันที่ 3 พฤศจิกายน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเวลานั้น “โจ ไบเดน” จากพรรคเดโมแครต เป็นที่รับรู้กันว่า คือประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา แต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด กลับไม่เห็นด้วย และมองว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นมีปัญหาเรื่องความไม่ชอบธรรม
“เราจะเดินไปยังรัฐสภา และจะให้กำลังใจ สว. กับสมาชิกสภาคองเกรสผู้กล้าหาญของเราเราอาจไม่เชียร์พวกเขาบางคน เพราะคุณไม่สามารถใช้ความอ่อนแอชิงประเทศของเรากลับคืนมา คุณต้องแสดงความแข็งแกร่งและคุณต้องเข้มแข็ง”
นี่เป็นข้อความปลุกเร้าจากทรัมป์ ถึงผู้สนับสนุนของเขา เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนไปรวมตัวกันกดดันให้สมาชิกสภาคองเกรส(สภาสูงสุด รวม สส. และ สว.) ไม่รับรองการขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของโจ ไบเดน ซึ่งทำให้ในวันที่ 6 มกราคม มีการเดินขบวนจากผู้สนับสนุนทรัมป์เป็นจำนวนมาก และพวกเขาตัดสินใจบุกเข้าไปยังรัฐสภา ด้วยเหตุผลในการยับยั้งกระบวนการรับรองไบเดนเป็นประธานาธิบดี และใช้เวลาอยู่นานในการเข้าครอบครองพื้นที่หลายๆ แห่งในอาคารรัฐสภา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจของสภาฯ ได้อพยพสมาชิกสภาคองเกรส เจ้าหน้าที่สภาฯ และบุคคลสำคัญหลายท่าน ออกมาจากพื้นที่สุ่มเสี่ยงอันตรายได้อย่างปลอดภัย
เหตุการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิต 5 คน เป็นตำรวจสภาฯ 1 คน ที่เหลือเป็นผู้ชุมนุม และมีผู้บาดเจ็บมากมาย บุคคลในองค์กรการเมืองทั่วโลกต่างประณามเหตุการณ์ในครั้งนี้และตั้งคำถามต่อการกระทำของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าตั้งอยู่บนความถูกต้องหรือไม่ ส่วนทางฝ่ายนิติบัญญัติของสภาสหรัฐฯ ก็พยายามหาทางใช้กฎหมายเล่นงานอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในฐานะผู้ปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ควบคู่ไปด้วย
ถึงตอนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่มีข้อหาอะไรเกี่ยวกับการเร้าให้เกิดการบุกรัฐสภา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้ขยับมุมมองทางการเมืองของสหรัฐฯ ต่อสายตาของคนทั้งโลกให้เปลี่ยนไป ในแบบแผนความเป็นประชาธิปไตย ที่เริ่มมีรอยขีดข่วนเกิดขึ้นเสียแล้ว
เหตุการณ์ต่อมา เกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เมื่อพลเอกอาวุโส “มิน อ่อง หล่าย” และคณะทหาร เข้าทำการยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากประชาชน ภายหลังการเลือกตั้งเกิดขึ้น ที่ประเทศพม่า ด้วยเหตุผลที่ว่า มีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้น
“คณะกรรมการการเลือกตั้งเมียนมาล้มเหลว ในการสอบสวนเหตุไม่ชอบมาพากลของบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และไม่เปิดให้มีการรณรงค์หาเสียงอย่างเป็นธรรม”
ประโยคนี้มาจากคำแถลงของมิน อ่อง หล่าย ภายหลังเข้าควบคุมอำนาจบริหารประเทศของพม่า และจับกุมตัว “นางออง ซาน ซู จี”และบุคคลสำคัญทางการเมืองจากพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ในฐานะเสียงข้างมากที่ชนะการเลือกตั้ง และตัวแทนรัฐบาลที่มาจากประชาชน ไปกักขังไว้ จนทำให้ประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลที่มาจากประชาชนออกมารวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลมิน อ่อง หล่าย กับพรรคพวกของเขา ในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดเหตุการณ์จลาจล มีการปะทะกันระหว่างทหารกับประชาชน ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายมหาศาลมาจนถึงทุกวันนี้ และมีประชาชนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารถูกจับกุมกว่า5 พันราย หนึ่งในนั้นคือ “ไป๋ ทาคน”นายแบบหนุ่ม ซึ่งได้รับการยกย่องจาก TCL Candler ว่าเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อที่สุดในโลก เมื่อเร็วๆ นี้
แน่นอนว่า โลกย่อมไม่เห็นด้วยและประณามการทำรัฐประหารของมิน อ่อง หล่าย รวมไปถึงการปราบปรามประชาชนที่เห็นต่างและต่อต้านอย่างโหดเหี้ยม รวมไปถึงการไม่คบค้าสมาคม ทั้งทางเศรษฐกิจ และการเมืองในระดับประเทศ แต่เสมือนว่า พม่าในการครอบครองของทหารก็ยังไม่กระวนกระวายใจเท่าไหร่ ต่อกาแสดงออกเชิงต่อต้านของโลกเพราะยังมีอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน และรัสเซีย รวมไปถึงบางประเทศในอาเซียน ที่เหมือนจะให้ความสนับสนุนทางอุดมการณ์ และการทำมาค้าขายกันอยู่อย่างเงียบๆ กับพม่าของมิน อ่อง หล่ายจึงต้องดูกันต่อไปในปีนี้ว่าหนทางของพม่า มิน อ่อง หล่าย กลุ่มต่อต้านทหาร และผู้นำระดับโลก รวมไปถึงองค์กรสหประชาชาติ จะหาความลงตัวอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับปัญหาในพม่าอย่างไร ที่จะหยุดความรุนแรง และการฆ่าชีวิตของผู้คนลงได้ รวมไปถึงการนำประชาธิปไตย และรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างแท้จริง กลับมาบริหารประเทศ
อีกครั้ง ผ่านการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ และถูกต้อง
ยังมีเหตุการณ์สำคัญที่น่าสนใจในปี 2021 ที่อยากมาบอกเล่ากันต่อ แต่คงต้องเป็นอาทิตย์ต่อไปและขอสวัสดีปีใหม่ค่ะ...ทุกคน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี