หากไม่มีฝรั่งเศสเข้ามาสร้างความวิบัติให้กับประเทศในย่านอินโดจีน ประเทศในย่านนั้นก็คงไม่เกิดความวุ่นวายความบาดหมางระหว่างกันดังเช่นที่ปรากฏเป็นเรื่องเป็นราวมายาวนานกว่าร้อยปี แล้วก็น่าจะไม่เกิดปัญหาความบาดหมางกัน โดยเฉพาะปัญหาพรมแดนระหว่างไทยกับลาว และไทยกับกัมพูชา
อันที่จริงเขมรหรือกัมพูชากับสยามหรือไทยก็มีความสัมพันธ์ระหว่างกันทั้งในแง่บวกและลบเป็นระยะๆ มาโดยตลอด ย้อนกลับไปในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าผู้ปกครองเมืองเขมรคือ นักองด้วง หรือสมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ปฐมกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาสมัยใหม่ ก็เคยเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของกษัตริย์กรุงรัตนโกสินทร์ และแล้วเมื่อยามที่ฝรั่งเศสแผ่อำนาจเข้ามาในย่านอินโดจีนก็ได้มีอำนาจเหนือดินแดนนั้น และขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสได้พยายามเข้ามาเกี่ยวข้องกับสยามในเชิงข่มขู่แสดงอำนาจบาตรใหญ่ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ที่ฝรั่งเศสกระทำการหยามหมิ่นสยามด้วยการนำเรือปืนเข้าประชิดพระบรมมหาราชวัง แล้วบีบบังคับเอาดินแดนบางส่วนของสยามไปเป็นของตนเอง เช่น พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ประจันต์คีรีเขตต์ (เกาะกง) เป็นต้น
แต่เมื่อกัมพูชาได้อิสรภาพจากฝรั่งเศสเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2496 ก็จึงได้รับดินแดนต่างๆ ที่ฝรั่งเศสยึดไปจากสยาม (ไทย) โดยปริยาย แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับไทยก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินจะรักษาความเป็นมิตรประเทศ แต่ก็ยังมีรากเหง้าของความขัดแย้งอันเกิดมาจากการกระทำของฝรั่งเศสที่ทิ้งไว้เป็นตราบาป
คนไทยกับคนกัมพูชามีสัมพันธ์กันในเชิงพึ่งพาอาศัยกันโดยตลอด แต่ดูเสมือนว่าในยามที่ฝ่ายกัมพูชาประสบปัญหารุนแรงในประเทศ จนบ้านแตกสาแหรกขาด ผู้คนชาวกัมพูชาแตกกระสานซ่านเซ็น เพราะบ้านเมืองลุกเป็นไฟจากระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ไทยก็ให้ความช่วยเหลือชาวกัมพูชาผู้พลัดถิ่นฐาน จนกระทั่งวันที่ภัยจากการปกครองในกัมพูชาได้ค่อย ๆ สงบลง ไทยก็ยังให้ความช่วยเหลือกัมพูชาฉันมิตร แม้จะยังมีร่องรอยความขัดแย้งหลงเหลืออยู่บ้างก็ตาม
แม้จะมีเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างไทยกับกัมพูชาในบางช่วง แต่ก็มีความร่วมมือกันอย่างดีในหลายช่วง ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการมีปฏิสัมพันธ์แง่ต่างๆ ของรัฐบาลทั้งสองประเทศจนกระทั่งล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชาที่บริเวณชายแดนบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี แล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็เสื่อมทรามลงเป็นลำดับ เพราะต้นเหตุจากการไม่พยายามปรับความเข้าใจกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายฮุนเซนแห่งกัมพูชาประกาศนำเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และสามเหลี่ยมมรกตไปฟ้องร้องต่อศาลโลก เพื่อหวังให้ศาลโลกตัดสินให้ดินแดนดังกล่าวเป็นของกัมพูชา
ถามว่ากัมพูชาต้องพึ่งพาประเทศไทยหรือไม่ ตอบว่าต้องพึ่งพา โดยเฉพาะเรื่องที่ไทยให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนากัมพูชาทั้งด้านการเงินและวิชาการ โดยเป็นทั้งแบบเงินให้กู้และให้เปล่า รวมวงเงิน 4 พันล้านบาท ถามว่าทำไมไทยต้องช่วยเหลือกัมพูชา ตอบว่าเพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน เมื่อเพื่อนบ้านเจริญก้าวหน้า ไทยก็จะได้ผลดีตามไปด้วย เพราะจะนำไปสู่การติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและการพาณิชย์ได้ดียิ่งขึ้น
อันที่จริงความสัมพันธ์ไทยกับกัมพูชาไม่ควรสะดุดหยุดชะงัก เพราะปัญหาส่วนตัวของผู้นำการเมืองของประเทศทั้งสองแต่เมื่อเกิดปัญหาระหว่างผู้นำการเมืองแล้ว ก็ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี และยังส่งผลกระทบต่างๆ ในด้านการค้าขาย การทำธุรกิจทวิภาคี เมื่อประเทศเกิดความบาดหมาง ก็ส่งผลให้คนของทั้งสองประเทศหมางเมินกัน อย่างไรก็ตาม ขอเตือนสติคนไทยและคนกัมพูชาว่าไม่ควรปล่อยให้ปัญหาของผู้นำการเมืองของทั้งสองประเทศมาเป็นตัวการสร้างปัญหาจนก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างประชาชนสองประเทศ ชาวไทยและกัมพูชาต้องปล่อยให้ผู้นำการเมืองทะเลาะเบาะแว้งแล้วฆ่าฟันกันเอง โดยประชาชนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเมื่อผู้นำการเมืองทั้งสองประเทศทะเลาะกันก็ปล่อยให้มันทะเลาะกันไป แต่ชาวไทยและชาวกัมพูชาต้องรักกันเหมือนเดิม ไม่ควรที่คนไทยกับคนกัมพูชาต้องเป็นศัตรูกัน เพราะปัญหามันเกิดจากผู้นำการเมืองของแต่ละฝ่าย โดยประชาชนไม่ได้สร้างปัญหา เพราะฉะนั้น คนไทยกับคนกัมพูชาอย่าฆ่ากัน เพราะปัญหาของฮุนเซนกับทักษิณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี