วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ท่านเจ้าของสุนัขและแมวหลายท่านคงเคยประสบปัญหาสัตว์เลี้ยงมีอาการเหล่านี้ คันหู เกาหู หรือมีการสะบัดหัวอย่างรุนแรง บ่อยครั้งมีเห็นว่ามีขี้หูสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำจำนวนมาก หลายตัวมีอาการขนร่วงหรือมีแผลที่กกหู หรือบริเวณใกล้กับใบหู เนื่องจากการเกาผิวหนังอย่างหนัก บางตัวเกิดอาการหูบวมเพราะเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหูแตกและเกิดการคั่งของเลือดใต้ผิวหนังที่ใบหู จนเป็นถุงคล้ายลูกโป่งใส่น้ำ บางรายถึงมีอาการชักร่วมด้วยเลยทีเดียว
อาการเหล่านี้มีความเป็นไปได้สูงที่มีสาเหตุมาจาก “ไรในหู”วันนี้ ผมมีข้อมูลจาก รศ.น.สพ.ดร.สนธยา เตียวศิริทรัพย์ หน่วยปรสิตวิทยาภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาฝากครับ
@ไรในหูคืออะไร?
ไรในหู หรือ ear mite หมายถึงปรสิตขนาดจิ๋วที่มองแทบจะไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นตัวไรที่พบในหูของสัตว์เลี้ยงทั้งในสุนัขและแมว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Otodectes cynotis เป็นตัวไรชนิดที่ไม่ขุดโพรงเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนไรขี้เรื้อนชนิด Sarcoptes (ที่เป็นสาเหตุของโรคขี้เรื้อนแห้ง)
สามารถพบไรชนิดนี้ได้ในรูหูส่วนนอกของสุนัขและแมวทั่วโลก และพบได้บ่อยมากในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
@ตัวไรในหูมีลักษณะอย่างไร?
ไรในหู มีขนาดเล็กมาก จนมองแทบจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่อาจมองเห็นเป็นจุดสีขาวเล็กๆ บนขี้หู
เมื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่า ลักษณะลำตัวเป็นรูปไข่ ระยะตัวเต็มวัยมีขา 4 คู่ ที่ยาวเกินขอบของลำตัว
@การติดต่อเกิดได้อย่างไร?
การติดต่อไรในหูนั้น เกิดจากการสัมผัสโดยตรงระหว่างสัตว์เลี้ยงโดยพบในช่องหู ใกล้กับแก้วหู ตัวไรจะกินเศษเนื้อเยื่อในหูเป็นอาหาร
@อาการที่พบเป็นอย่างไร?
สัตว์จะแสดงอาการคันอย่างมาก และมีการแพ้สารพิษที่สร้างจากไรซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคือง และการอักเสบของหูส่วนนอก อาจพบหนองจากการติดเชื้อ รวมถึงการคั่งของเลือดที่ใบหูเนื่องจากสัตว์จะคันและสะบัดหูอย่างแรง และเกาที่ใบหูอย่างหนักทำให้เกิดการฉีกขาดของเส้นเลือดภายในใบหู และยังอาจก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังบริเวณข้างเคียง หรืออาจเกิดถุงเลือดคั่งที่ใบหู (aural hematoma) นอกจากนี้อาจเกิดการฉีกขาดของเยื่อแก้วหู และเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราตามมาได้
ในกรณีที่ไม่มีการติดเชื้อต่างๆ ร่วมด้วยนั้น สัตว์จะแสดงเพียงอาการคัน และจะพบว่าภายในหูของสัตว์จะมีขี้หูเป็นผงสีดำหรือน้ำตาลเข้มคล้ายดิน
@การตรวจวินิจฉัยทำได้อย่างไร?
การวินิจฉัยไรในหูนั้น สามารถทำได้โดยการตรวจหาไรในขี้หูของสัตว์โดยตรงภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ซึ่งกรณีที่มีไรเป็นจำนวนมาก อาจสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โดยจะเห็นเป็นจุดสีขาวเล็กๆ ที่สามารถเคลื่อนที่ได้บนขี้หูสีดำหรือน้ำตาลดำ
@การรักษาทำได้อย่างไร?
การรักษาสามารถทำได้โดยการหยอดหูด้วยยากำจัดไร หรือใช้ยาหยดหลังที่สามารถออกฤทธิ์กระจายไปทั่วตัวสัตว์ รวมทั้งอาจต้องให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราร่วมด้วยในกรณีที่มีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วม
@เราสามารถควบคุมไม่ให้แพร่ไปยังตัวอื่นได้อย่างไร
การควบคุมทำได้โดยการแยกสัตว์ที่ตรวจพบตัวไรออกจากสัตว์ตัวอื่นเนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ง่ายจากการคลุกคลีกัน
@เพื่อให้การรักษาครบวงจรควรทำอย่างไร?
ในการรักษาเพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- หากพบว่ามีตัวหนึ่งเป็นแล้ว ต้องรักษาสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านไปพร้อมกันทั้งหมดเพราะ มีโอกาสที่จะติดต่อกันได้จากการสัมผัสคลุกคลีกัน
- รักษาผิวหนังบริเวณรอบใบหูที่ติดเชื้อร่วมด้วย
- ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านด้วย เช่น พรมเช็ดเท้า ผ้าปูที่นอน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ของสัตว์เลี้ยง
- เลี่ยงการพาสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้าน หรือไปเจอตัวอื่น
- รับการรักษาตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างน้อย 3 สัปดาห์
@การป้องกันไรในหูทำได้อย่างไร?
หากพบว่าสัตว์เลี้ยงของเราติดไรในหู ควรรีบพาไปปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากมีการติดต่อกันได้ง่าย แนวทางการป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งมีดังนี้
- หมั่นแปรงขน ร่วมกับตรวจเช็คใบหูของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำทุกวัน หากพบว่ามีขี้หูมากผิดปกติ ต้องรีบจัดการเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น
- หากมีตัวใดตัวหนึ่งในบ้านเป็นแล้ว ควรจัดให้ทุกตัวในบ้านให้ได้รับยาป้องกันที่เหมาะสม และควรแยกเลี้ยงตัวที่พบไรในหูจากตัวอื่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- ทำความสะอาด ซักและตากแดดอุปกรณ์ที่นอนของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการให้สัตว์เลี้ยง ออกไปนอกบ้าน และไปคลุกคลีกับสัตว์ตัวอื่นนอกบ้าน
@ไรในหูนี้สามารถทำอันตรายถึงผู้เลี้ยงได้หรือไม่?
สำหรับความสำคัญทางด้านสาธารณสุขนั้น ไรชนิดนี้พบได้น้อยมากในคน อาการที่พบก็อาจจะมีอาการคัน แต่มักจะหายเองได้โดยไม่ต้องทำการรักษา
เมื่อทราบดังนี้แล้ว เราก็ไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ที่การดูแลสุขอนามัยของตัวสัตว์เลี้ยงและเครื่องใช้ให้มีความสะอาดอยู่เป็นประจำ เท่านี้ก็ห่างไกลจากไรในหูแล้วครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เปิดเทอมนี้ ‘คีน’ และ ‘วง V3RSE’ ชวนเติมพลังบวก ในกิจกรรมต้านยาเสพติด ‘โครงการทูบีนัมเบอร์วัน’
‘ตั้งสติ’ ท่อนฮิต TikTok เหล่าคนดังครีเอทคอนเทนต์กันสนั่นฟีด
‘เลือกเองกับมือ’ซิงเกิลล่าสุดของ SEASON FIVE
SARAN ส่งซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘มิติคู่ขนาน (Mr. 333)’ เพลงเศร้าสำหรับคนไม่มูฟออน
‘เอ ไชยา’ เปิดบูธ ‘ชุมชนมิตรรัก x 7HD สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน’

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี