ท่านเจ้าของสุนัขและแมวหลายท่านคงเคยประสบปัญหาสัตว์เลี้ยงมีอาการเหล่านี้ คันหู เกาหู หรือมีการสะบัดหัวอย่างรุนแรง บ่อยครั้งมีเห็นว่ามีขี้หูสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำจำนวนมาก หลายตัวมีอาการขนร่วงหรือมีแผลที่กกหู หรือบริเวณใกล้กับใบหู เนื่องจากการเกาผิวหนังอย่างหนัก บางตัวเกิดอาการหูบวมเพราะเส้นเลือดฝอยบริเวณใบหูแตกและเกิดการคั่งของเลือดใต้ผิวหนังที่ใบหู จนเป็นถุงคล้ายลูกโป่งใส่น้ำ บางรายถึงมีอาการชักร่วมด้วยเลยทีเดียว
อาการเหล่านี้มีความเป็นไปได้สูงที่มีสาเหตุมาจาก “ไรในหู”วันนี้ ผมมีข้อมูลจาก รศ.น.สพ.ดร.สนธยา เตียวศิริทรัพย์ หน่วยปรสิตวิทยาภาควิชาพยาธิวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาฝากครับ
@ไรในหูคืออะไร?
ไรในหู หรือ ear mite หมายถึงปรสิตขนาดจิ๋วที่มองแทบจะไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นตัวไรที่พบในหูของสัตว์เลี้ยงทั้งในสุนัขและแมว มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Otodectes cynotis เป็นตัวไรชนิดที่ไม่ขุดโพรงเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังเหมือนไรขี้เรื้อนชนิด Sarcoptes (ที่เป็นสาเหตุของโรคขี้เรื้อนแห้ง)
สามารถพบไรชนิดนี้ได้ในรูหูส่วนนอกของสุนัขและแมวทั่วโลก และพบได้บ่อยมากในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแมวที่มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
@ตัวไรในหูมีลักษณะอย่างไร?
ไรในหู มีขนาดเล็กมาก จนมองแทบจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่อาจมองเห็นเป็นจุดสีขาวเล็กๆ บนขี้หู
เมื่อตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบว่า ลักษณะลำตัวเป็นรูปไข่ ระยะตัวเต็มวัยมีขา 4 คู่ ที่ยาวเกินขอบของลำตัว
@การติดต่อเกิดได้อย่างไร?
การติดต่อไรในหูนั้น เกิดจากการสัมผัสโดยตรงระหว่างสัตว์เลี้ยงโดยพบในช่องหู ใกล้กับแก้วหู ตัวไรจะกินเศษเนื้อเยื่อในหูเป็นอาหาร
@อาการที่พบเป็นอย่างไร?
สัตว์จะแสดงอาการคันอย่างมาก และมีการแพ้สารพิษที่สร้างจากไรซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคือง และการอักเสบของหูส่วนนอก อาจพบหนองจากการติดเชื้อ รวมถึงการคั่งของเลือดที่ใบหูเนื่องจากสัตว์จะคันและสะบัดหูอย่างแรง และเกาที่ใบหูอย่างหนักทำให้เกิดการฉีกขาดของเส้นเลือดภายในใบหู และยังอาจก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังบริเวณข้างเคียง หรืออาจเกิดถุงเลือดคั่งที่ใบหู (aural hematoma) นอกจากนี้อาจเกิดการฉีกขาดของเยื่อแก้วหู และเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราตามมาได้
ในกรณีที่ไม่มีการติดเชื้อต่างๆ ร่วมด้วยนั้น สัตว์จะแสดงเพียงอาการคัน และจะพบว่าภายในหูของสัตว์จะมีขี้หูเป็นผงสีดำหรือน้ำตาลเข้มคล้ายดิน
@การตรวจวินิจฉัยทำได้อย่างไร?
การวินิจฉัยไรในหูนั้น สามารถทำได้โดยการตรวจหาไรในขี้หูของสัตว์โดยตรงภายใต้กล้องจุลทรรศน์ ซึ่งกรณีที่มีไรเป็นจำนวนมาก อาจสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โดยจะเห็นเป็นจุดสีขาวเล็กๆ ที่สามารถเคลื่อนที่ได้บนขี้หูสีดำหรือน้ำตาลดำ
@การรักษาทำได้อย่างไร?
การรักษาสามารถทำได้โดยการหยอดหูด้วยยากำจัดไร หรือใช้ยาหยดหลังที่สามารถออกฤทธิ์กระจายไปทั่วตัวสัตว์ รวมทั้งอาจต้องให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราร่วมด้วยในกรณีที่มีการติดเชื้ออย่างอื่นร่วม
@เราสามารถควบคุมไม่ให้แพร่ไปยังตัวอื่นได้อย่างไร
การควบคุมทำได้โดยการแยกสัตว์ที่ตรวจพบตัวไรออกจากสัตว์ตัวอื่นเนื่องจากสามารถติดต่อกันได้ง่ายจากการคลุกคลีกัน
@เพื่อให้การรักษาครบวงจรควรทำอย่างไร?
ในการรักษาเพื่อให้ประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- หากพบว่ามีตัวหนึ่งเป็นแล้ว ต้องรักษาสัตว์เลี้ยงทุกตัวในบ้านไปพร้อมกันทั้งหมดเพราะ มีโอกาสที่จะติดต่อกันได้จากการสัมผัสคลุกคลีกัน
- รักษาผิวหนังบริเวณรอบใบหูที่ติดเชื้อร่วมด้วย
- ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมภายในบ้านด้วย เช่น พรมเช็ดเท้า ผ้าปูที่นอน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ของสัตว์เลี้ยง
- เลี่ยงการพาสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้าน หรือไปเจอตัวอื่น
- รับการรักษาตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างน้อย 3 สัปดาห์
@การป้องกันไรในหูทำได้อย่างไร?
หากพบว่าสัตว์เลี้ยงของเราติดไรในหู ควรรีบพาไปปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากมีการติดต่อกันได้ง่าย แนวทางการป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำเป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งมีดังนี้
- หมั่นแปรงขน ร่วมกับตรวจเช็คใบหูของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำทุกวัน หากพบว่ามีขี้หูมากผิดปกติ ต้องรีบจัดการเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้น
- หากมีตัวใดตัวหนึ่งในบ้านเป็นแล้ว ควรจัดให้ทุกตัวในบ้านให้ได้รับยาป้องกันที่เหมาะสม และควรแยกเลี้ยงตัวที่พบไรในหูจากตัวอื่นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- ทำความสะอาด ซักและตากแดดอุปกรณ์ที่นอนของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการให้สัตว์เลี้ยง ออกไปนอกบ้าน และไปคลุกคลีกับสัตว์ตัวอื่นนอกบ้าน
@ไรในหูนี้สามารถทำอันตรายถึงผู้เลี้ยงได้หรือไม่?
สำหรับความสำคัญทางด้านสาธารณสุขนั้น ไรชนิดนี้พบได้น้อยมากในคน อาการที่พบก็อาจจะมีอาการคัน แต่มักจะหายเองได้โดยไม่ต้องทำการรักษา
เมื่อทราบดังนี้แล้ว เราก็ไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป แต่สิ่งที่สำคัญอยู่ที่การดูแลสุขอนามัยของตัวสัตว์เลี้ยงและเครื่องใช้ให้มีความสะอาดอยู่เป็นประจำ เท่านี้ก็ห่างไกลจากไรในหูแล้วครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี