วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
จากหึงหวงสู่ฆ่ากันตาย!!! สัญญาณอันตราย สถิติความรุนแรงในครอบครัวพุ่ง

จากหึงหวงสู่ฆ่ากันตาย!!! สัญญาณอันตราย สถิติความรุนแรงในครอบครัวพุ่ง

วันพฤหัสบดี ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561, 13.39 น.
Tag : ความรุนแรงในครอบครัว ฆ่ากันตาย ปืน มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล สถิติ สสส. Like สาระ
  •  

เปิดสถิติข่าวความรุนแรง เพียง 7 เดือนคดีฆ่ากันตาย-ทำร้ายสาหัส พุ่งสูง พบเป็นข่าวฆ่ากันตายใช้ปืนเป็นอาวุธหลัก เปิดใจเหยื่อความรุนแรงถูกล่ามโซ่อดข้าวอดน้ำ ต้องจำทนอยู่เพื่อลูก

23 ส.ค.61 ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ ในเวทีเสวนา “จับสัญญาณอันตรายความตายความรุนแรงในครอบครัว 2018” จัดโดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)


น.ส.อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า มูลนิธิฯ เก็บสถิติข่าวความรุนแรงในครอบครัว จากหนังสือพิมพ์ 11 ฉบับ ปี2561 พบว่า เพียงแค่7 เดือน ม.ค.-ก.ค. เกิดข่าวความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 367 ข่าว เป็นข่าวฆ่ากันตาย 242 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 65.9 รองลงมาเป็นข่าวทำร้ายร่างกาย 84 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 22.9 และข่าวฆ่าตัวตาย 41ข่าว คิดเป็นร้อยละ 11.2 หากเปรียบเทียบข่าวฆ่ากันตายย้อนหลัง 3 ปี จะเห็นว่าปี 61 สถิติสูงสุดกว่าทุกปี โดยปี 2555 มีข่าวร้อยละ 59.1 , ปี 2557 มีข่าวร้อยละ62.5 และปี 2559 มีข่าวร้อยละ48.5

หากวิเคราะห์เชิงลึกในรอบ 4 เดือน เฉพาะข่าวฆ่ากันตายเฉลี่ยแล้วจะมีประมาณเดือนละ 20ข่าว ส่วนปัจจัยกระตุ้นพบว่ามาจากสุราและยาเสพติด ที่น่าห่วงคืออาวุธที่ใช้ก่อเหตุมากที่สุด ได้แก่ ปืน ร้อยละ 40.5 รองลงมาเป็นมีด ของใช้ใกล้มือ ไม้ ค้อน เมื่อลงลึกถึงมูลเหตุที่ลงมือ พบว่า บันดาลโทสะ หึงหวง และมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากพบว่านี้ร้อยละ 94.9 ของผู้ที่พบเห็นเหตุความรุนแรงเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่เข้าไปช่วยเหลือ

“ปรากฏการณ์ทำร้ายร่างกาย ฉุดกระชากรากถู ตบตีในพื้นที่สาธารณะมีให้เห็นมากขึ้น สถิติลงมือฆ่ากันตาย มันเป็นสัญญาณอันตราย ทั้งความไม่เสมอภาคระหว่างหญิงชาย  รวมถึงโครงสร้างสังคมยังกำหนดความไม่เท่าเทียมผ่านสถาบันครอบครัว การศึกษา ระบบเครือญาติ การเมือง และศาสนา”

ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า 1.ผู้กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นผู้ชายยังมีวิธีคิดและทัศนคติแบบชายเป็นใหญ่ ไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดแสดงออกผ่านพฤติกรรมความหึงหวง บันดาลโทสะ 2.การผลิตซ้ำวาทกรรม “ชายเป็นใหญ่” ทั้งปรากฏอย่างชัดเจนและแฝงเร้น เช่น เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องลิ้นกับฟัน อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน เมื่อเขาคืนดีกันเราจะเป็นหมา เป็นต้น ส่งผลให้คนในสังคมไม่อยากเข้าไปช่วยเหลือ และไม่กล้าเข้าไปแก้ปัญหา ทำให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ดังนั้น สังคมจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ว่า  เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องของสังคมหรือสาธารณะชน เมื่อพบเห็นเหตุการณ์ให้ช่วยเหลือทั้งการแจ้งปัญหาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจหน้าที่ หรือการเข้าไปช่วยเหลือด้วยตนเอง เป็นต้น รวมถึงการรณรงค์สร้างวัฒนธรรมให้เคารพเนื้อตัวร่างกายผู้อื่นซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก โดยมูลนิธิและภาคีเครือข่ายเตรียมจะยื่นข้อเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร็วๆนี้

ด้าน น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 44ปี ผู้ที่เคยประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว กล่าวว่า  อยู่กินกับสามีมากว่า 20ปี แรกๆสามีเอาใจดูแลดี หลังๆเริ่มหึงหวงหาว่าคบชู้ พูดจาหยาบคาย อารมณ์ร้อน โมโหร้าย ลงไม้ลงมือทุบตีเป็นประจำ หนักสุดเคยถูกจับลามโซ่มาแล้วถึง  8 ครั้ง และหลายครั้งที่ใช้โซ่รัดคอ ให้อดข้าวอดน้ำ  แม้เคยแจ้งความไปมากกว่า 10 ครั้ง ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้  จึงต้องทนอยู่กับสภาพเดิมๆ กระทั่งได้ขอความช่วยเหลือจากแกนนำชุมชนและมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ซึ่งมีการทำงานที่เป็นระบบ เกาะติด ใช้กลไกตามกฎหมายที่มี  จึงทำให้สามีเริ่มดีขึ้น อารมณ์รุนแรงหายไป ซึ่งเรื่องนี้ลูกสาวรับรู้มาตลอด และได้รับผลกระทบจากที่เป็นเด็กร่าเริง กลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ

“เราไม่ได้มีชู้ ที่กลับดึกเพราะต้องทำงานค้าขายเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แม้ตอนนี้สามีจะปรับปรุงตัว หยุดใช้ความรุนแรงมาแล้ว 2 ปี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันฝังลึกในใจ และอยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะคำว่าครอบครัว เพราะคำว่าลูกมันทำให้เราไม่กล้าก้าวออกมา แต่คงเป็นโอกาสสุดท้าย หากเกิดขึ้นอีกคงต้องแยกทางกัน อยากฝากถึงทุกครอบครัวว่า การใช้ความรุนแรงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา และผู้หญิงต้องกล้าที่จะปกป้องตัวเอง อย่ายอมเป็นสมบัติของฝ่ายชาย ต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่าไปหวังพึ่งผู้ชายฝ่ายเดียว” น.ส.พลอย (นามสมมติ) กล่าว

ส่วน น.ส.แพรวดาว  ศิวภูวดลพิทักษ์ หรือเอิร์น พลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกคนรักซ้อมโหด ทั้งใช้หมวกกันน็อกฟาด กระทืบจนเจ็บหนัก ตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา เปิดเผยว่า มันเป็นจังหวะที่ต้องตัดสินใจเข้าไปช่วยน้องผู้หญิง เพราะถ้าไม่เข้าไป น้องต้องถูกซ้อมอีก และไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ล่าสุดได้ไปเยี่ยมและให้กำลังใจน้องที่โรงพยาบาล อาการผ่าตัดดีขึ้น แต่แม่ของน้องยังร้องไห้ตลอดเวลารับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้  ส่วนตัวน้องเองยืนยันว่าจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกันอีก ยิ่งตอนนี้คู่กรณีได้ประกันตัวออกมา ก็สร้างความหวาดระแวงให้คนในครอบครัวน้อง ซึ่งตนได้แนะนำให้น้องระมัดระวังตัวด้วย

“อยากให้กรณีที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนให้กับสังคมช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่นิ่งเฉย อย่าฝังใจว่ามันเป็นเรื่องของผัวเมีย เรื่องของแฟนกันเราอย่าไปยุ่ง หรือมองว่าการทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องปกติ นี่ขนาดมีคนพบเห็นเขายังทำได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นกรณีที่ไม่มีใครพบเห็นจะขนาดไหน อีกทั้งต้องปลูกฝังว่า คุณไม่มีสิทธิทำร้ายร่างกายใคร ต้องให้เกียรติ เคารพสิทธิเนื้อตัวร่างกายจิตใจ ส่วนบทลงโทษต้องเข้มงวดเอาจริงเอาจัง และอยากฝากให้ทุกคนมีสติในการใช้ชีวิต”  น.ส.แพรวดาว กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปพิเศษ : สสส.จับมือเครือข่ายเนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา ชวนคนไทย‘วางแก้วเหล้า ตั้งสติ คิดดี สร้างชีวิตที่ดี’ สกู๊ปพิเศษ : สสส.จับมือเครือข่ายเนื่องในโอกาสวันเข้าพรรษา ชวนคนไทย‘วางแก้วเหล้า ตั้งสติ คิดดี สร้างชีวิตที่ดี’
  • สกู๊ปพิเศษ : สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์ต้านยาเสพติด สกู๊ปพิเศษ : สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์ต้านยาเสพติด
  • สสส.สานพลัง สคล.-มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ดีเดย์ รณรงค์เทศกาลสงกรานต์ปลอดภัย สสส.สานพลัง สคล.-มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ดีเดย์ รณรงค์เทศกาลสงกรานต์ปลอดภัย
  • มส.ผส. - สสส. เน้นย้ำความสำคัญการร่วมสร้างสังคมสูงวัยที่มีสุขภาวะยั่งยืน มส.ผส. - สสส. เน้นย้ำความสำคัญการร่วมสร้างสังคมสูงวัยที่มีสุขภาวะยั่งยืน
  • วิจัยพบ\'ความเหงา\'อันตรายเท่าบุหรี่15มวน-เหล้า6แก้ว สังคมไทยเข้าสู่ภาวะคนรู้สึกโดดเดี่ยวเพิ่มขึ้น วิจัยพบ'ความเหงา'อันตรายเท่าบุหรี่15มวน-เหล้า6แก้ว สังคมไทยเข้าสู่ภาวะคนรู้สึกโดดเดี่ยวเพิ่มขึ้น
  • สสส.ห่วง\'เด็กและเยาวชน\'ติดกับดักความสุข เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอาจทำผิดหวังจนซึมเศร้า สสส.ห่วง'เด็กและเยาวชน'ติดกับดักความสุข เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอาจทำผิดหวังจนซึมเศร้า
  •  

Breaking News

(คลิป) สรุป! เหตุปะทะ 'ปราสาทตาเมือนธม' 'มนุษย์ป้าเขมร' หรือ แผนเช็คกำลังทหารไทย

'รสนา'วอนศาลเมตตา'ฟ้า สุทธินี' จำเลยคดี ม.112 ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ

'ภูมิธรรม' ถือเค้กอวยพรวันเกิด 'ปลัดมหาดไทย' ชมช่วยทำงานผลักดันนโยบายสำคัญ

เช็คเสียงโหวตร่างนิรโทษฯ!‘สส.รัฐบาล’เหนียวแน่น ‘6 สส.สายเสื้อแดง พท.’โหวตหนุน‘ฉบับส้ม’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved