ในขณะที่ทำหน้าที่ปรินิพพานนั้น พระสงฆ์สาวกก็ห้อมล้อมอยู่พระอนุรุธะ ก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อทรงเข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อันเป็นรูปฌาน 4 แล้วก็ก้าวเข้าสู่รูปอฌาน 4 คืออากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วก็ก้าวเข้าสู่สัญญาเวทิตานิโรธสมาบัติ ทรงดับสัญญาและเวทนาขณะนั้นระงับเงียบ บรรดาพระสงฆ์ที่อยู่ที่นั้นเกิดความสงสัย "นี่ล่ะพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วเหรอ" พระอนุรุทธะเป็นผู้บอก แน่ะ ฟังซิ "ยังๆไม่ปรินิพพาน กำลังประทับอยู่ที่สัญญาเวทยิตนิโรธ"
พอพระจิตเสด็จเคลื่อนถอยออกมาจากสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็บอกโดยลำดับๆจนกระทั่งถึงพระจิตบริสุทธิ์ธรรมดา คือ ลงมาอรูปฌาน 4 แล้วลงมารูปฌาน 4 จนกระทั่งถึงพระจิตบริสุทธิ์ธรรมดา ที่นี้ก้าวเข้าไปอีกพระอนุรุทธะบอกโดยลำดับๆนั่นฟังซิ นี่ล่ะปรจิตวิชชา สามารถรู้พระจิตของพระพุทธเจ้า แม้บริสุทธิ์เพียงไรก็สามารถรู้ นั่นถ้าเป็นของสูญรู้ได้ยังไง จิตบริสุทธิ์แล้วสูญ รู้ได้ยังไง ไม่สูญน่ะซิถึงรู้ได้
พระอนุรุทธะก็เป็นพระอรหันต์ แล้วพระอนุรุทธะก็ไม่สูญสามารถรู้พระจิตของพระพุทธเจ้าที่กำลังเสด็จก้าวเข้าสู่ฌานใด ปฐมฌานนี้เป็นสมมุติ ฌานแต่ละฌานเป็นสมมุติ เมื่อจิตวิมุต คือ พระจิตของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นวิมุตติแล้วผ่านไปในฌานใด ผู้บริสุทธิ์ธรรมชาติที่บริสุทธิ์นั้นผ่านไปในฌานใด พระอนุรุทธะบอกโดยลำดับ กำลังเสด็จเข้าฌานนั้นๆ เพราะมีสมมุติเป็นเครื่องพาดพิง พอพูดได้ว่า พระจิตที่บริสุทธิ์นั้นกำลังก้าวเข้าผ่านฌานนั้นๆ
ถ้าหากไม่มีสมมตินี้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย พระจิตนั้นแม้จะมีอยู่เพียงไรก็ตาม พูดไม่ได้ ทีนี้พอออกจากจตุตถฌานแล้ว ไม่เสด็จเข้าสู่รูปฌาน 4 อรูปฌาน 4 ก็ไม่เสด็จเข้า รูปฌาน 4 ก็ผ่านมาแล้ว นั่นละ ที่นี่ปรินิพพานในท่ามกลางแห่งสมมุติทั้ง 2 คือ อรูปฌานก็เป็นสมมุติ รูปฌานก็เป็นสมมุติ เสด็จออกท่ามกลาง พอถึงตรงนั้นแล้วพระอนุรุทธะก็สุดวิสัย ว่าทีนี้ปรินิพพานแล้วนั่น คือ ไปพาดพิงกับอะไรอีกไม่มี มีเฉพาะพระสรีระในขณะนั้นให้ได้เห็นชัดเจน นั่นละพิจารณาดูซิ นี่พระอนุรุทธะท่านสามารถอย่างนั้น
พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ก็จริงแต่หากไม่มีผู้เชี่ยววชาญทางด้านปรจิตวิชชาเหมือนพระอนุรุทธะ และจึงสมนามว่าพระอนุรุทธะ เป็นเอตทัคคะทางปรจิตวิชชา สามารถรู้วาระจิตของใครๆได้ทั้งนั้น แม้ที่สุดแต่เทวดาที่มาเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ขณะที่พระองค์ปรินิพพานแล้วจะนำพระสรีระศพออกทางทิศใดนี้ ก็ต้องพระอนุรุทธะเป็นผู้บอก เทวดาทั้งหลายไม่ต้องการให้ไปทางทิศนั้นๆ รู้จนกระทั่งถึงความประสงค์ของเทวดา ฟังซิ
แล้วเอาไปทางทิศอื่นก็ไม่ได้จริงๆต้องไปทางทิศที่เทวดาทั้งหลายต้องการ ตามที่พระอนุรุทธะบอกไว้ แล้วไปทางนั้นไปได้ แต่เวลาจะถวายพระเพลิงพระองค์ก็ยังถวายไม่ได้ เทพทั้งหลายยังไม่ยินยอมให้ถวายพระเพลิง เพราะพระมหากัสสปะกำลังเดินทางมา จะมากราบพระสรีระศพของพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นแล้วจึงจะทำได้ ทั้งๆที่เวลานั้นก็ไม่ทราบพระกัสสปะอยู่ที่ไหน มันสุดวิสัยไหมสำหรับพวกเรา
แต่สำหรับพระอนุรุทธะไม่สุดวิสัย เหมือนบอกคนตาบอดเพราะอย่างหนึ่งเขาจะว่าพระอนุรุทธะนั้นเป็นบ้าอยู่คนเดียวพูดอะไรไม่รู้เรื่องรู้ราว เทวดาที่ไหน พระกัสสปะที่ไหน ไม่เห็นนี่ แล้วไม่นานพระกัสสปะก็มา พาบริษัทบริวารมากราบพระสรีระศพของพระองค์ จากนั้นมา เอ้า !ที่นี้พระราชทานถวายเพลิงท่านได้ ไม่มีอะไรขัดข้อง ถวายพระเพลิงก็พรึบเลย ตอนแรกถวายไม่ได้ ถวายเพลิงไม่ได้ ถวายก็ไม่ไหม้ นั่นฟังซิแล้วเป็นความจริงทุกอย่าง
เพราะอันนี้เป็นวัตถุ อันนั้นเป็นใจที่ทำนายที่ทายออกมา ทายออกมาก็เป็นตามนั้นจริงๆ ๆ เช่น ไม่ให้ออกทางทิศนั้นทิศนี้ ให้ออกทางทิศเหนืออย่างนี้เทวดาทั้งหลายมีความต้องการอยากให้พระสรีระศพของพระองค์ออกมาทางด้านทิศเหนือนี้ ออกไปทางทิศอื่นก็ไม่ได้ นั่น ฝืนไปไม่ได้ ต้องออกทางทิศนั้น เราไม่เห็นตัว แต่ว่าพระสรีระศพไปไม่ได้ ทำให้หนัก ให้อะไร ไปไม่ได้ ไม่เคลื่อนย้ายไปเฉยๆ นี่จะว่ายังไง
นั่นล่ะ พลังฤทธาศักดานุภาพของพวกเทวดาทั้งหลายมีอยู่นั้น พลังเรามองไม่เห็น คิดดูเราปาไม้ไปนี้ พลังอันหนึ่งที่หนุนไม้ให้ตกไปโน้นไปนี่ เรามองไม่เห็น เห็นแต่ไม้เท่านั้นแหละ หรือธนูยิงไปจากแล่งนี้ หรือยิงปืนออกไปจากกระบอกปากกระบอกปืนนี่มันพุ่งไปไหน พลังเรามองไม่เห็น แต่มันไปได้ยังไง ไม่มีพลัง มันไปได้ยังไง นั่นอย่างนั้นซิ อันนั้นล่ะมันลึกลับ
..............
คัดลอกจากหนังสือ "เทวดา" หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี