20 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่ารายงานว่า เฟสบุ๊ก “จรรยา แซ่ติ้ง” โพสต์ข้อความระบุว่า “ช่วยแชร์หน่อยนะคับ ผมนายจรรยา แซ่ติ้ง อายุ 42 ปี กรุ๊ปเลือด B ต้องการตามหาแม่ด่วน เนื่องด้วย ผมมีโรคประจำตัว คือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และตอนนี้หมอบอกว่าต้องปลูกถ่ายไขกระดูกจากพี่น้อง พ่อแม่เดียวกัน แต่เนื่องด้วยผมเป็นลูกยก จึงต้องตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ที่ทราบมาว่าสมัยก่อนตอนท้องแม่เคยทำงานอยู่ อ.จันดี จ.นครศรีธรรมราช แล้วไปคลอดที่คลีนิคหมอสมพร จันดี แล้วทิ้งลูกไป อยากเจอแม่ด่วน ถ้าแม่อ่านเจอโพสต์นี้ หรือใครรู้จักแม่ช่วยติดต่อมาด่วน อยากเจอแม่มากๆครับ ขอบคุณครับ เบอร์ติดต่อผม 098 – 0310014
ทั้งนี้ เมื่อหนุ่มรายดังกล่าวได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ชาวโชเชียลได้ช่วยกันแชร์และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ ให้กำลังใจ และอวยพรให้พบแม่บังเกิดเกล้าโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่หน่วยกู้ภัยใต้เต๊กตึ๊งทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังบริษัทจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สาขา ทุ่งสง พบนายจรรยา แซ่ติ้ง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201 หมู่ 5 ต.ชะมาย อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตนเป็นพนักงานบริษัทจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สาขาทุ่งสง และเป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยใต้เต๊กตึ๊ง ช่วยเหลือสังคมมานานกว่า 20 ปี เรื่องราวที่ตนโพสต์ เกิดขึ้นเมื่อ 42 ปี ที่ผ่านมา มีแม่บุญธรรมรับอุปการะตนมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
เนื่องจากต้องการลูกผู้ชาย และที่ผ่านมาได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่บุญธรรม และพี่ๆน้องๆเป็นอย่างดี กระทั้งเมื่อปีที่ผ่านมาตนมีอาการปวดแสบปวดร้อนและแน่นบริเวณหน้าอก จึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และพบว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว แพทย์ที่โรงพยาบาล อ.ทุ่งสง จึงส่งตัวรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งทางแพทย์ทำการรักษาตามอาการ พร้อมจ่ายยารักษาแต่ละครั้ง ซึ่งการรักษาต้องใช้ระยะเวลานานและใช้เงินเป็นจำนวนมาก
นายจรรยา เปิดเผยอีกว่า อย่างไรก็ตามแพทย์วินิจฉัยการรักษาระบุว่า การรักษาอีกทางหนึ่งต้องมีการปลูกถ่ายไขกระดูกจากพ่อแม่หรือญาติพี่น้อง แต่ตนเป็นลูกบุญธรรม ไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร รู้เพียงว่าแม่ของตนเคยทำงานแม่บ้านที่ร้านค้าแห่งหนึ่งใน ต.จันดี และคลอดตนที่โรงพยาบาลจันดี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนในสมัยนั้น แต่ปัจจุบันเลิกกิจการแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลแม่บังเกิดเกล้าที่ไหน จึงตัดสินใจโพสต์ตามหาแม่ เพื่อเป็นช่องทางหนึ่ง และมีความหวังว่าจะพบแม่หรือญาติ เพื่อขอความช่วยเหลือปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อต่อชีวิตให้ตน
อย่างไรก็ตามแพทย์โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีทางออกการรักษาอีกทางหนึ่งคือขอความช่วยเหลือจากสภากาชาดไทย เพื่อขอรับบริจาคไขกระดูกที่สามารถใช้รักษาปลูกถ่ายกับตนได้ แต่ต้องใช้เวลานานในการตรวจไขกระดูกที่สภากาชาดมีอยู่ว่าตรงกับไขกระดูกของตนหรือไม่ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทราบว่าหลักแสนบาท ซึ่งตนไม่มีเงิน นอกจากนี้ตนทราบว่าหมอตำแย ที่ทำคลอดตน และหมอตำแยยังมีชีวิต ซึ่งบวชเป็นแม่ชีที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช คาดว่าน่าจะมีข้อมูลการเกิดหรือข้อมูลแม่บังเกิดเกล้าของตน ทำให้ตนมีความหวังว่าจะพบแม่บังเกิดเกล้า เพื่อขอความช่วยเหลือต่อชีวิตให้กับตน
ขณะที่นายศิราวิทย์ เกศรินทร์ อายุ 37 ปี เพื่อนสนิท กล่าวว่า สงสารเพื่อที่ต้องพบเหตุการณ์แบบนี้ แต่ตนไม่รู้จะช่วยเหลือยังไง ทำได้เพียงให้กำลังใจ และแชร์ขอมูลของเพื่อนต่อในเฟสบุ๊ก เพื่อให้พบแม่บังเกิดเกล้าของเพื่อนเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี