ชาวบ้านตำบลตะนาวศรี อำเภแสวนผึ้ง ปลูกถั่วดาวอินคา ริมรั่วบ้านนำมาตากแห้ง เพื่อแปรรูปเป็นชาชงดื่มเพื่อสุขภาพ เด็กที่กำลังเรียน ผู้สูงวัย รับจ้างทุบเม็ด สร้างรายได้ช่วงสถานการณ์โควิด -19 จนชุมชนเกิดความเข้มแข็ง
ถั่วดาวอินคา เป็นพืชเถาเลื้อยเกาะไปตามเสาไม้ หรือตามรั่วบ้าน ผลมีรูปทรงแปลกตามีลักษณะ 5 แฉก คล้ายดวงดาวเป็นพืชสมุนไพรไทยอีกชนิดที่ชาวบ้านหมู่ 2 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ อยู่กันเป็นกลุ่มประมาณ 8 หลังคาเรือน ท่ามกลางหุบเขาที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ เส้นทางยังเป็นถนนลูกรัง ด้วยสภาพอากาศที่ดีสามารถปลูกถั่วดาวอินคาได้ จึงใช้โอกาสนี้ปลูกเพื่อนำผลผลิตมาแปรรูปชงเป็นชาสมุนไพร เมล็ดยังรับประทานได้มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังเป็นพืชสมุนไพรที่ได้สร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุ และเด็กนักเรียนในชุมชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์มารับจ้างทุบเม็ดนำเปลือกดาวอินคาแยกออกจากกัน สามารถสร้างรายได้ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ที่หลายคนได้รับผลกระทบจากด้านอาชีพขาดรายได้
ถั่วดาวอินคา เป็นพืชใบเลี้ยงเดียว ใบอ่อน หรือยอดอ่อน มักจะนำมาประกอบอาหาร เพราะเนื้อใบยอดอ่อน มีความนุ่ม รสชาติมัน สามารถทำอาหารได้หลากหลายเมนู ยอดถั่วดาวอินคาเอาไปผัด หรือจะทำแกงจืดยอดอ่อนได้ ส่วนใบแก่สามารถนำมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตากแดดแห้งทำเป็นชาชงดื่มได้ เมล็ดถั่วดาวอินคายังสามารถนำมาคั่ว หรือนึ่งด้วยความร้อนให้สุกก่อนรับประทานเป็นอาหารขบเคี้ยว เนื้อเมล็ดจะหอม กรอบ มีรสชาติมันอร่อยคล้ายกับเมล็ดถั่วทั่วไป อีกทั้งยังนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร อาทิ ซอส ซีอิ้ว เต้าเจี้ยว รวมถึงแปรรูปเป็นแป้งถั่วดาวอินคาสำหรับใช้ประกอบอาหาร และทำขนมหวานได้ด้วย
นางสาวภัทรวดี วงศ์ทวีทรัพย์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/2 หมู่ 2 ต.ตะนาวศรี อ.สวนผึ้ง เปิดเผยว่า ที่นี่จะรวมกลุ่มให้ชาวบ้านปลูกบ้านละ 10 - 20 ต้น เมื่อได้ผลผลิตจึงรับซื้อผลแห้งชั่งเป็นกิโลกรัม จากนั้นก็จะจ้างผู้สูงวัยที่อยู่กับบ้านและน้อง ๆ ที่ว่างพักจากการเรียนหนังสือ ยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โรงเรียนจะเปิด 1 วันหยุด 1 วัน ก็จะให้มารับถั่วดาวอินคาไปรับจ้างทุบเอาเม็ดออกที่บ้าน เพื่อให้ทุกคนในหมู่บ้านมีรายได้ จ้างทุบเปลือกออกให้กิโลกรัมละ 10 บาท
ส่วนเม็ดที่อยู่ในเปลือกอีกทีจะให้กิโลละ 15 บาทอย่างนำไป 40 กิโลกรัมจะได้ค่าจ้างทุบ 400 บาท ทุบเปลือกนอกก็จะได้เม็ดในสีน้ำตาล จากนั้นทุบเม็ดสีน้ำตาลก็จะได้เม็ดในอีกชั้นเป็นสีขาว เมื่อได้เม็ดในสีขาวก็จะนำชั่งกิโล อย่างทุบได้ 40 กิโลกรัมก็จะได้เงินค่าทุบประมาณ 700 บาท เด็กๆ ที่มารับจ้างก็ขึ้นอยู่กับความขยันของแต่ละคน ทุบมากได้มาก ทุบน้อยก็จะได้เงินน้อย
จุดจำหน่ายส่วนใหญ่ขายทางออนไลน์ มีส่งตามร้านแหล่งท่องเที่ยวฝากเพื่อน ๆ ตอนนี้ได้ลูกค้าเยอะ เพราะเอาไปกินแล้วดี หลังจากไปตรวจร่างกาย ไขมัน ความดันลดลง ก็จะสั่งกินต่อเนื่อง ส่วนบรรจุภัณฑ์คิดเองทำเอง โดยจะใส่ซองกันชื้นให้เหมือนกับผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่ได้มาตรฐาน สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองชิมสั่งได้ แต่ค่าส่งลูกค้าต้องเป็นคนออกเอง เป็นชาชงดาวอินคาจำหน่ายเป็นซองละ 50 บาท เม็ดถั่วบรรจุขวด และซองขาย 99 บาทโดยช่วงสถานการณ์โควิดระบาดก็ยังมีน้อง ๆ มารับจ้างช่วยกันทุบ ช่วยกันได้ในชุมชน อย่างชาวบ้านปลูกเองนำมาขายให้มีรายได้เป็นค่ากับข้าว บางคนทำงานประจำอยู่ ยังได้ขอนำถั่วดาวอินคาไปทุบช่วงหลังเลิกงานทำให้มีรายได้เพิ่มไปอีก
สำหรับการปลูกง่าย ๆ เพราะถั่วดาวอินคา เป็นไม้เถาเลื้อย ปลูกตามรั่วบ้านก็ได้แล้ว ประมาณ 6 - 8 เดือนก็จะออกดอกออกผลรอจนกว่าผลจะแก่และแห้งคาต้น จากนั้นเก็บไปใส่กระด้งตากแดดเมื่อแห้งสนิทดี จึงเริ่มเอาไปทุบ เอาเปลือกออกได้เม็ดในเอาไปตากอีกครั้ง ส่วนเลือกเปลือกสวย ๆ บรรจุใส่ถุงผลิตภัณฑ์ หรือจะนำใบเตยแห้งใส่รวมกันก็จะทำให้มีรสชาติหอมชื่นใจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ถือเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพและสร้างรายได้แก่ชาวบ้านในชุมชน รวมทั้งเด็กยังใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แม้จะอยู่ห่างไกลแนวชายแดน แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดชุมชนเข้มแข็งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับท้องถิ่นอื่น นำไปเป็นตัวอย่างการพัฒนาชุมชนสู่ความยั่งยืน
สำหรับคนที่สนใจเข้าไปศึกษาวิธีการปลูก หรืออยากซื้อไปรับประทาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่นางสาวภัทรวดี วงศ์ทวีทรัพย์ เบอร์ 065 - 5293659
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี