เมื่อพูดถึงบทบาทของ “ทหาร” หรือ “กองทัพ” แล้วโดยทั่วไปจะหมายถึงการเป็น “รั้วของชาติ” ปกป้องอธิปไตยของประเทศจากข้าศึกผู้รุกราน อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่คำว่า “ความมั่นคง” ซึ่งเกี่ยวพันกับงานของทหารนั้นสามารถตีความได้กว้างขวางทำให้หลายประเทศมักพบบทบาทของกองทัพเข้าไปแทรกแซงทางการเมือง ไม่ว่าทางตรงคือการทำรัฐประหาร และทางอ้อมคือการเป็นสถาบันหนึ่งที่มีอำนาจกดดันรัฐบาลพลเรือน นำไปสู่คำถามถึงความเหมาะสมเนื่องจากโลกสมัยใหม่เป็นยุคที่มี “ประชาธิปไตย” เป็นค่านิยมหลัก
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดการบรรยาย (ออนไลน์) เรื่อง “บทบาททหารในการเมืองโลก”ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรม POLSCI LAB โดย ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยกตัวอย่าง สหรัฐอเมริกา แม้บางคนไม่อยากให้ลูกต้องออกไปรบ แต่ความเชื่อมั่นในตัวทหารมีค่อนข้างมาก และทหารจะมีวัฒนธรรมบางอย่างที่จะฟังประชาชน เมื่อทหารใส่เครื่องแบบจะรับรู้ถึงการสูญเสียถ้าออกไปรบ จึงทำให้ทหารไม่อยากใช้กำลัง แต่คนที่อยากใช้กำลังคือรัฐบาลสหรัฐฯ
ส่วนคำถาม “อาชีพทหารยังมีความจำเป็นอยู่หรือไม่?” เรื่องนี้ต้องบอกว่า “จำเป็น” เพราะกองทัพยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันสงครามหรือการรุกรานจากศัตรู นอกจากนี้ สำหรับกองทัพไทยยังมีภารกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา เช่น การรับมือภัยธรรมชาติ โรคระบาด ผู้อพยพลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นทหารจำเป็นต้องทบทวนว่ามีหน้าที่มากขนาดไหน แต่เป็นเรื่องที่ทำยากเพราะเป็นการเพิ่มหน้าที่และงบประมาณของกองทัพ
แต่สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือ “การสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน” ซึ่งเหตุที่หลายคนมองกองทัพในแง่ลบเพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองภายในประเทศ รวมถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการต่างๆ ทั้งนี้ มีตัวอย่างคือ อินโดนีเซีย เพื่อนบ้านร่วมประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลังมีการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นประชาธิปไตย ทหารถอยจากการเมือง ทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพดีขึ้น เมื่อประชาชนรู้สึกต่อต้านน้อยลง การของบประมาณเพื่อพัฒนากองทัพก็ทำได้ง่ายขึ้นด้วย
“ไม่ได้หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องมีทหาร แต่ต้องการทหารและกองทัพที่มีความเป็นมืออาชีพ สามารถออกไปรบเพื่อป้องกันอธิปไตยของไทย เข้าใจบริบทของสังคมโลก และพร้อมที่จะปกป้องประชาชน ไม่ใช่ทำให้รู้สึกว่าสิทธิของประชาชนถูกลิดรอนอยู่เห็นได้จากการประท้วงที่กองทัพเรือจะซื้อเรือดำน้ำ ถ้าพูดเรื่องภัยคุกคามต่อประเทศจำเป็นต้องมี แต่ปัญหาคือการกระทำของทหารที่ผ่านมาทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นว่าจะไม่มีการทุจริต ถ้าหากทหารมีความน่าเชื่อถือประชาชนก็ร่วมสนับสนุน” ฟูอาดี้ ระบุ
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในหลายครั้งก็มีบทบาทของทหารร่วมอยู่ด้วย เช่น เมียนมา การเกิดขึ้นของ พรรค NLD นั้นก็มีทหารเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง หรือในประเทศไทย คณะราษฎรที่ก่อการในปี 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย ก็มีทหารร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะต้องมีคนที่อยู่ในบทบาทชนชั้นนำในกองทัพซึ่งอยากจะปฏิรูปด้วย หากเป็นปรปักษ์กับทหารมากจนเกินไปอาจจะมีปัญหาได้
ถึงกระนั้น แม้ต่างประเทศจะไม่มีการรัฐประหารแต่ก็มีปัญหาเช่นกัน และการพัฒนาประชาธิปไตยไม่มีที่สิ้นสุด ควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้นตลอด จึงจำเป็นต้องหวังสูงมากกว่านี้ ว่าจะได้นักการเมืองที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ และต้องการทหารที่เคารพประชาชน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี