"...อันผู้รักษาอุโบสถศีลนั้นย่อมได้อานิสงส์ทั้งชาตินี้ชาติหน้าโดยอนุรูปแก่ความปฏิบัติของตน ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในตอนท้ายแห่งอุโบสถสูตรว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ที่อริยสาวกเข้าอาศัยอยู่แล้ว เป็นคุณมีผลใหญ่และอานิสงส์ใหญ่มีความรุ่งเรืองแผ่ไพศาลมาก" ดังนี้ จะยกคุณประโยชน์แห่งการรักษาอุโบสถมาชี้ให้เห็นพอเป็นเครื่องบำรุงศรัทธาปสาทะดังต่อไปนี้
๑. ตามธรรมดาคนเรา วันปกติย่อมใช้กายวาจาใจให้สาละวนหมกมุ่น อยู่ในการงานทางบ้านนานาประการ การงานบางอย่างก็สะดวกบางอย่างก็ติดขัด ที่ติดขัดก็เป็นต้นตอก่อให้กายวาจาใจเศร้าหมอง เพราะต้องการให้สิ่งนั้นสำเร็จผลดังประสงค์ เมื่อนานวัน นานเดือน นานปี กาย วาจา ใจ ก็หม่นหมองเป็นมลทินขึ้นโดยลำดับ จนถึงกับไม่สามารถชำระล้างให้สะอาดได้ก็มี เมื่อสาธุชนถือโอกาสเข้ารักษาอุโบสถศีล ก็นับว่าเป็นอุบายชำระมลทินนั้น เพราะได้ปลดเปลื้องการงานทางบ้านออกจากกาย วาจา ใจ เป็นการปล่อยวางภาระของกาย วาจา ใจ ให้ได้พักผ่อนเสียครั้งหนึ่ง
๒. การพักการงานทางบ้าน แล้วไปหาอุบายควบคุมกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในกรอบศีลธรรมนับว่าเป็นอุบายให้คฤหัสถ์ชนมีโอกาสได้ชำระกาย วาจา ใจของตนเสียครั้งหนึ่งคือ ๖ วัน ๗ วันได้ชำระกันครั้งหนึ่งถึงจะไม่สะอาดจนผ่องก็เป็นทางไม่ให้หม่นหมองทวีขึ้นมากการรักษาอุโบสถนั้น โดยความมุ่งหมายก็เพื่อเป็นอุบายชำระกาย วาจา ใจ ดังกล่าวมานี้อีกประการหนึ่ง
๓. วันปกติที่ไม่รักษาอุโบสถ กาย วาจา ใจ ต้องเป็นทาสกรรมกรของตนและคนอื่นสัตว์อื่นอีกมากมายบางครั้งต้องเป็นทาสของลูกๆ หลานๆบางทีต้องเป็นทาสของวัวควายและเป็ดไก่ต้องยอมตนลงให้คนและสัตว์เหล่านี้ใช้เกือบจะไม่มีเวลาแสนที่จะเหนื่อย แสนที่จะลำบากแม้จะได้ค่าจ้าง คือ ทรัพย์และความยินดีเป็นค่าแรง ก็เพียงนิดหน่อยและให้คุณชั่วเวลาเพียงชาติเดียวส่วนวันรักษาอุโบสถ นับว่าเป็นโอกาสให้กับบุคคลพ้นจากความเป็นทาสเช่นนั้น แล้วเขามอบกาย วาจา ใจเป็นทาสของพระรัตนตรัย ซึ่งนับว่าเป็นทาสที่มีเกียรติและได้รับค่าแรงงานอันมีเกียรติด้วยกล่าวคือ ได้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของกาย วาจา ใจ และความเยือกเย็นเป็นสุขทั้งภพนี้และภพหน้าเป็นค่าแรงาน
๔. การเข้ารักษาอุโบสถ นับว่าเป็นการเข้าถือบวชของคฤหัสถ์ เพราะเป็นอุบายเว้นจากบาปและอบรมกาย วาจา ใจ ให้สุขเกิดรสหวานซึ่งเป็นผลที่ต้องการทั้งทางคดีโลก คดีธรรมจริงอย่างนั้น น้ำใจอัธยาศัย อันทำอบรมบ่มให้สุขแล้วย่อมเกิดรสหวาน คือ น่ารัก น่าเคารพน่าคบค้าสมาคมด้วยความสนิทสนม กาย วาจา และใจอันศีลอบรมบ่มให้สุขแล้วย่อมเกิดรสหวานกล่าวคือ กิริยาทางกายหวาน ตาน่าดูน่าชมคำพูดทางวาจาก็หวานหู ฟังไม่รู้เบื่อ
๕. ตามที่กล่าวมาแล้ว ๔ ประการนี้เป็นอานิสงส์ จะพึงเห็นได้ด้วยตนเองในชาตินี้ส่วนอานิสงส์ในชาติหน้านั้นแม้ถึงจะยังไม่มีผู้รับรองยืนยันเพราะทุกๆ คนยังไม่ตายหรือเคยตายมาแล้วก็เป็นการเหลือวิสัยที่จะจดจำนำมาเป็นพยานได้แต่ก็พอมีแนวทางที่จะคาดคะเนหรือสันนิษฐานลง
ด้วยเหตุผลว่า กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์สะอาด ด้วยอำนาจศีลธรรมที่ได้ปฏิบัติไว้ในชาตินี้ นั้นแลฯ จะเป็นพืชพันธุ์ เป็นเครื่องรับประกันให้เกิดผลคู่ควรกันในชาติหน้าสมด้วยพระคาถาพุทธภาษิตว่า โยธมฺมจารี กาเยน วาจาย อุทเจตสา อิเทวนํ ปสงฺสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ
ผู้ใดประพฤติเป็นธรรมด้วยกาย วาจา และใจ ในชาตินี้ เขาย่อมได้รับการสรรเสริญ ครั้นละโลกนี้ไปเขาย่อมบันเทิงเบิกบานในโลกสวรรค์ดังนี้
ขอบคุณลานธรรมจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี