วิมุตติ คือ การหลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยการละความอยาก ที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์นั่นเอง ความทุกข์เกิดจากความอยาก ความทุกข์หายไปเพราะว่า ความอยากหายไปนั่นเอง เหมือนกับไฟ ถ้าเชื้อไฟหายไปก็จะหมดไป ไฟเกิดขึ้นมาได้เพราะมีเชื้อไฟ เช่น น้ำมันหรือฟืน ถ้ามีฟืนหรือมีน้ำมัน ก็จะมีไฟลุกได้ แต่ถ้าไม่มีฟืนไม่มีน้ำมันแล้ว ไฟก็จะลุกขึ้นมาไม่ได้ ฉันใด
ความทุกข์ของใจก็เช่นเดียวกัน ความทุกข์ของใจก็เกิดจาก ตัณหาความอยากต่างๆนั่นเอง เช่นกามตัณหา ความอยากในรูป เสียงกลิ่น รส โผฏฐัพพะ ภวตัณหา ความอยากมีอยากเป็น อยากให้ได้อย่างนั้น อยากให้มีอย่างนี้ และวิภวตัณหา ความอยากไม่มีอยากไม่เป็น อยากไม่ให้เป็นอย่างนั้น อยากไม่ให้เป็นอย่างนี้
ถ้ามีตัณหาทั้งสามรูปแบบนี้อยู่ภายในใจแล้ว ใจก็จะต้องมีความทุกข์อย่างแน่นอน แต่ถ้ามีสมาธิ และมีปัญญาแล้ว ความทุกข์เหล่านี้จะหายไป เพราะตัณหาความอยากจะได้รับการกำจัดด้วย สมาธิและปัญญานี่เอง
นี่คือความเพียรที่ผู้ปฏิบัติควรจะเจริญให้มาก ก่อนที่จะเพียรเจริญสติ ก็ต้องเพียรรักษาศีล ศีลคือธรรมที่ผู้ปฏิบัติควรจะบำเพ็ญ ควรจะต้องรักษา ถ้าสำหรับผู้ปฏิบัติก็ต้องศีล ๘ ขึ้นไป ถ้าผู้ที่ยังไม่ได้ปฏิบัติ ก็เริ่มต้นที่ศีล ๕ ไปก่อน เพราะการรักษาศีลจะช่วยรักษาใจ ไม่ให้ทุกข์ไม่ให้วุ่นวายไปกับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง การทำบาปนี้จะทำให้ใจทุกข์ ใจวุ่นวายขึ้นมา ผู้ที่ต้องการดับความทุกข์ ความวุ่นวายใจ จึงต้องดับการกระทำบาปต่างๆ ตั้งแต่ศีล ๕ ขึ้นไป จนถึงศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ตามลำดับ ตามภาวะของผู้ปฏิบัติ พอมีศีลแล้วก็ให้เจริญสมาธิ ด้วยการเจริญสติ พอเจริญสมาธิได้แล้ว ก็จะสามารถเจริญปัญญาได้ต่อไป
พอมีทั้งสมาธิและมีทั้งปัญญา ก็จะสามารถทำลายตัณหา ความอยากต่างๆ ให้หมดไปได้ ก็จะได้วิมุตติขึ้นมา ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ พอได้หลุดพ้นจากความทุกข์แล้วก็จะเกิด วิมุตติญาณทัสสนะขึ้นมา คือการได้รู้ว่า ตัวเองได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงแล้ว เหมือนกับคนที่มีโรคภัยไข้เจ็บ พอหมอให้ยามารับประทาน ก็รับประทานไปตามหมอสั่ง แล้ววันหนึ่ง โรคภัยไข้เจ็บที่มีอยู่ในตัวก็จะหายไปหมด
พอโรคภัยไข้เจ็บหายไป คนไข้ก็จะรู้ตัวขึ้นมาเลยว่า อ๋อ ตอนนี้ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว ฉันใด วิมุตติญาณทัสสนะ ก็ฉันนั้น เวลาที่ได้ทำลายตัณหาความอยากหมดไปแล้ว ความทุกข์ต่างๆ ก็จะหายไป พอความทุกข์ต่างๆ หายไปหมดแล้ว ผู้ปฏิบัติจะรู้ขึ้นมาเองว่าได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายแล้ว นี่เรียกว่า สันทิฏฐิโก ซึ่งผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้ด้วยตนเอง รู้ได้ด้วย วิมุตติญาณทัสสนะ นี่เอง
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี (เพจ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี