“พระราชสุเมธี” หรือ หลวงปู่เหลี่ยม สุจิณฺโณ เจ้าอาวาส วัดภูตูมวนาราม ตำบลทรายขาว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เมตตาแสดงพระธรรมเทศนาหัวข้อ “สตินำมาสู่กตัญญูกตเวทิตา” ในโอกาส 80 ปี อายุวัฒนมงคล “พระครูปลัดสุวัฒนญาณคุณฯ” (พระมหาสามเรือน ปุญฺเญสโก) เจ้าคณะตำบล จังหวัดสมุทรปราการ (ธรรมยุต) และ เจ้าอาวาส วัดอโศการาม ตำบลท้ายบ้าน จังหวัดสมุทรปราการ
(นะโม 3 จบ) สัพเพสังขารา อนิจจาติ สัพเพ สังขารา ทุกขาติ สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ ยะทา นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยาติ อิมัสสะ ธัมมะปริยายัสสะ อัตโถสาธายัสสะมันเตหิ สักกัจจัง ธัมโม โสตัพโพติ
นับตั้งแต่บัดนี้ จะได้น้อมนำเอาพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มาแสดงชี้แจงตามอัตถะ ที่ยกเป็นนิกเขปบทเบื้องต้น เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันอภิกลักขิตกาล คล้ายวันชาตกาล หรือ วันเจริญมงคลอายุวัฒนะของเจ้าอธิการพระมหาสามเรือน เจ้าอาวาสวัด
อโศการาม รูปที่ 4 เจ้าคณะตำบล จังหวัดสมุทรปราการ
ด้วยท่านได้วางแนวให้ท่านสาธุชนทั้งหลาย มาบวชพราหม์มณีชีปะขาว ที่เรียกว่า บวชเนกขัมมะภาวนา เพื่อสร้างกุศลเจตนาและยังศรัทธาให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ด้วยการปฏิบัติธรรม ด้วยการฟังธรรม ด้วยการสร้างความเพียร ด้วยการถือเนสัชชิก การธุดงค์ อันเป็นธุดงค์ที่จะกำราบกิเลส โดยฝึกจิตของตนเองด้วยการมานั่งภาวนาบำเพ็ญธัมมัสภาวนามัยให้ได้ครบทั้ง 5 กัณฑ์ เท่ากับขันธ์ 5 ของเรา ถ้าจะกล่าวไปถึงเจ้าของงาน คือ ท่านพระมหาสามเรือนบวชมาใหม่ ท่านก็ใคร่ต่อการศึกษาธรรมวินัย สอบนักธรรมตรี โท เอก จบ ก็ใคร่ที่จะศึกษาทางบาลี ซึ่งเป็นที่มาของพระไตรปิฎก ทั้งพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม ก็ไปศึกษาหลายจุด เดินธุดงค์ไป เพื่อศึกษาธรรม ศึกษาข้อวัตรจากครูบาอาจารย์ ทั้งภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ ไปด้วยกันเป็นสหธรรมิก มีท่านเจ้าคุณพระมหาศุภใจ , อาจารย์เวียง แล้วก็อาจารย์อีกหลาย 2-3 รูป ไปด้วยกัน ไปในที่ต่างๆ แม้กระทั่ง จ.เลย ก็ไป ขึ้นภูกระดึงค์บ้าง ไปทางภาคเหนือ ไปศึกษาบาลี ที่วัดเจดีย์หลวงบ้าง จนกระทั่งได้เปรียญธรรม 3 ประโยค
เช่นเดียวกันกับหลวงตามหาบัว หลวงตามหาบัวก็ได้เปรียญธรรม 3 ประโยค แม้แต่ผู้แสดงธรรมอยู่นี้ ก็ได้เปรียญธรรม 3 ประโยคเช่นกัน แถมไปได้วุฒิจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ จบ ศน.บ. ศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต นี่คือการศึกษา เพราะฉะนั้นญาติโยมทั้งหลายผู้ใฝ่ในธรรม ขอให้ทุกท่านจงมีสติ มีสติแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้น เมื่อมีสติก็จะทำให้เราตื่นตัว เพราะ “สติสัมปัญชัญญะ” มันจะมาพร้อมกัน สติความระลึกได้ สัมปัญชัญญะ ความรู้ตัวเกิดขึ้นกับบุคคลใด บุคคลนั้นก็จะมีความสำเหนียก สำนึก ระลึกอยู่ตลอดเวลา สำเหนียกอะไร สำเหนียกว่า บัดนี้ เราทำอะไร บัดนี้ เราต้องการอะไร มันเกิดความสำเหนียกเกิดขึ้นในตัวเรา เราจะสร้างกุศลผลบุญด้วยการนั่งภาวนาปฏิบัติธรรม ซึ่งไม่ลงทุนอะไรเลย มีแต่เอาจิตของเราให้ตั้งมั่น มีกาย มีวาจา อันสงบแล้ว ก็จะเป็นเหตุให้เกิดอานิสงส์เกิดขึ้นกับตัวเรา สำเหนียก สำนึก สำนึกถึงบุญคุณ คนเราถ้ามีความสำนึก สำนึกถึงคุณูปการว่าบุคคลนี้เคยแนะนำเรา บุคคลนี้ครูบาอาจารย์รูปนี้เคยให้สติแก่เรา เคยให้ธรรมะสอนเรา เราสำนึก เราสำนึกอยู่อย่างนี้ การสำนึก แล้วก็ระลึกถึง
เมื่อระลึกถึงคุณความดี ก็ทำให้คุณธรรมเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น เรียกว่า “กตัญญูกตเวทิตาธรรม” เกิดขึ้นกับบุคคลนั้น ดังนั้น ความสำเหนียกสำนึกระลึก 3 ประการนี้ จึงเป็นตัวก่อให้เกิดคุณธรรม คุณธรรมที่จะเกิดขึ้น ในข้อแรก สำนึกถึงบุญคุณ เรียกว่า กตัญญูกตเวทิตา เรารู้บุญคุณของบุคคลอื่นที่กระทำให้เราแล้ว แล้วตอบแทนนี้เป็นธรรมที่หาได้ยาก อันนี้แหละ มันเกิดขึ้นจากสติ เมื่อเรามีสติ มันก็จะเกิดคุณธรรมอันนี้ตามขึ้นมา แต่ถ้าเราไม่มีสติ เลอะๆเปรอะๆเปื้อนเลื่อนเปื้อนไป ไม่ตั้งมั่น มันก็เลื่อนลอย มีสติไปตามกระแส แต่ถ้าเรามีสติตั้งมั่น เมื่อเรามีสติตั้งมั่น ก็จะทำให้เกิด “สติปัฎฐาน” คือ มีฐาน ฐานของสติ ครูบาอาจารย์สอนเสมอ
ในการเจริญอานาปานสติ อันนี้ท่านพ่อเคยสอนเรื่องการเจริญอานาปานสติ หรือ ในหนังสือต่างๆที่ท่านได้ลิขิตไว้ กล่าวแล้วก็ท่านลิขิตจากที่ท่านได้รู้ได้เห็น เทียบเคียงกับตำราที่มีมาในพระไตรปิฎก และ ความคิดที่มันมากกว่าที่มีในพระไตรปิฎก คือ เกิดจากจิต ก็จะลิขิตไว้ ให้พวกเราได้รับทราบได้อ่านและได้เข้าใจ เพราะท่านลิขิตออกมาจากจิตที่ท่านได้ประสบแล้ว ทำให้เราฟังง่าย เข้าใจง่าย มาถือปฏิบัติได้ง่าย ด้วยการมีสติตัวเดียวเท่านั้น ทีนี้ “สติ” จะตั้งไว้ ณ ที่ใด ก็ต้องมาตั้งไว้ ที่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ที่เรียกว่า “ปลายจมูก” มันจะต้องมาตั้งที่จุดนี้ ลมหายใจเข้าก็รู้ ลมหายใจออกก็รู้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี