“ความยากจน (Poverty)” ปัญหาสำคัญของสังคมมนุษย์ นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ทั้งด้านสาธารณสุข เช่น การป้องกันโรคติดต่อ ดังตัวอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ว่าชุมชนยากจนไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ได้เต็มที่ เนื่องจากที่อยู่อาศัยมักมีลักษณะแออัด ทั้งด้านความปลอดภัย เช่น อาชญากรรม ดังที่มีผลการศึกษามากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ พบว่าความยากจนสามารถกลายเป็นแรงบีบคั้นให้คนหันเข้าสู่เส้นทางมิจฉาชีพ ลักวิ่งชิงปล้นหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นต้น
กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาความยากจนเป็นนโยบายสำคัญของทุกรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาโครงการและมาตรการที่ออกมามักจะไม่ตรงเป้าหมาย จึงทำให้แก้ปัญหาไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากปัญหาความยากจนเกิดจากหลายปัจจัย จึงเป็นที่มาของการที่ บพท. ทำโครงการวิจัย “การพัฒนาระบบสนับสนุนการทำงานเชิงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ” ซึ่งศึกษาโมเดลการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศจีน
จุดเด่นของตัวอย่างดังกล่าว คือการทำสำมะโนครัวครัวเรือนยากจนและสำรวจข้อมูลทุนพื้นฐาน มีการกำหนดนิยาม “คนจน” หมายถึง “คนที่ขาดแคลนทุนพื้นฐานในการดำรงชีวิต ที่ส่งผลให้ครัวเรือนมีโอกาสในการสร้างทางเลือกในการดำรงชีวิตอย่างจำกัด” แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.อยู่ลำบาก มีความขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ต้องดำเนินการนำเข้าสู่ระบบสวัสดิการโดยเร่งด่วน 2.อยู่ยาก มีปัจจัยพื้นฐานเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตอยู่ในแต่ละวันซึ่งต้องเร่งจัดหาปัจจัยดำรงชีพหรือยกระดับความสามารถในการจัดหาปัจจัยดำรงชีพให้พออยู่ได้
3.พออยู่ได้ มีฐานทุนสำหรับการดำรงชีพ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดได้อย่างปลอดภัยหากประสบกับภาวะความแปรปรวนต่างๆ จำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกัน และยกระดับความเป็นอยู่ให้หลุดพ้นจากสภาวะความขาดแคลน/เปราะบาง และ 4.อยู่ได้ มีภูมิคุ้มกันต่อสภาวะความแปรปรวน/ความเสี่ยงต่างๆ มีฐานทุนในด้านต่างๆ ที่เพียงพอในการวางแผนอนาคตของตนเอง ครอบครัว และเป็นฐานทุนในระดับชุมชนได้
โดย บพท.ส่งเสริมให้นำวิชาความรู้จากมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือคนจนอย่างเป็นระบบ โดยร่วมงานกับมหาวิทยาลัย 18 แห่งทั่วไทย และเริ่มดำเนินโครงการนำร่องใน 20 จังหวัดทั่วไทย ซึ่งมีการดำเนินการตามแผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ โดยใช้ชุดข้อมูลแผนที่ความยากจนประเทศไทย (Thai Poverty Map-TP Map) ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดทำร่วมกัน
รวมถึงชุดข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ของกรมการพัฒนาชุมชน เป็นฐานการทำงาน จากนั้น บพท.พัฒนากระบวนการค้นหาสอบทานคนจนที่ตกหล่นจากระบบเพื่อเป็นข้อมูลเชิงลึก (deep data) โดยระบบ PPPconnext เป็นระบบข้อมูลที่แสดงทั้งปัญหาและทุนศักยภาพในการดำรงชีพคนจน5 ด้าน ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนสังคม ทุนการเงิน ทุนกายภาพ ทุนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
“ระบบนี้สามารถวิเคราะห์และจำแนกกลุ่มเป้าหมายคนจน เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงตามสาเหตุ ต่อจากนั้นมีระบบส่งต่อในปัญหาสำคัญอื่นๆ เช่น ปัญหาที่อยู่อาศัย จะเข้าสู่โครงการบ้านพอเพียงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ปัญหาการศึกษาส่งต่อสู่กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ปัญหาสาธารณูปโภคส่งต่อหน่วยงานในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งโครงการพัฒนานวัตกรรมแก้จนในหลากหลายรูปแบบที่สอดคล้องกับบริบทและสภาพปัญหา” กิตติ กล่าว
หนึ่งในตัวอย่างจากโครงการนี้ของ บพท. คือ “ลำปาง” จังหวัดทางภาคเหนือของไทย ซึ่ง ดวงใจ พุทธวงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เล่าว่า “ลำปางมีประชากร 741,080 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม จังหวัดมีปัญหาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับต่ำ โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น เศรษฐกิจของประเทศถดถอย ขาดการบริหารจัดการเรื่องตลาดแบบบูรณาการ
และขาดแรงงานทักษะฝีมืออาชีพเฉพาะด้าน เนื่องจากมีการเคลื่อนย้ายแรงงานไปทำงานนอกพื้นที่ ประกอบกับจำนวนวัยแรงงานลดลง จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น อัตราการจ้างงานต่อกำลังแรงงานลดลง โดยผลการสำรวจคนในพื้นที่จังหวัดลำปางจำนวนทั้งสิ้น 196,435 ครัวเรือน หรือ 512,130 คน จากฐานข้อมูล TPMAP (Thai People Map and Analytics) พบว่ามีครัวเรือนยากจน 14,878 ครัวเรือน หรือ 41,962 คน ซึ่งเป็นคนจนจากการสำรวจข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) และการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐจากกระทรวงการคลัง จำนวน 15,717 คิดเป็นร้อยละ 3.07
อย่างไรก็ตาม การสำรวจข้อมูลของ จปฐ. ยังมีความผกผันหรือคลาดเคลื่อนในบางประเด็น เช่น รายรับ รายจ่าย เงินออมและภาวะหนี้สินของครัวเรือน เนื่องจากเก็บข้อมูลไม่ทั่วถึง และการให้ความร่วมมือของครัวเรือนในการตอบคำถาม รวมทั้งรายละเอียดตามเกณฑ์บางอย่างยากต่อการวัดค่า ซึ่งส่งต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่สะท้อนปัญหาอย่างแท้จริง
สำหรับการนำโครงการพัฒนาระบบสนับสนุนการทำงานเชิงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ มาใช้ใน จ.ลำปาง มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อค้นหาและสอบทานคนจนกลุ่มเป้าหมายที่กระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดลำปางอย่างแม่นยำ มีการสังเคราะห์ ประมวลผลแสดงผล การนำเข้าระบบ และการส่งต่อข้อมูล รวมถึงวิเคราะห์สาเหตุความยากจนของคนจนกลุ่มเป้าหมาย
และ 2.เพื่อสร้างระบบและกลไกการส่งต่อความช่วยเหลือ พร้อมทั้งโมเดลและรูปแบบการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำในพื้นที่นำร่องจังหวัดลำปาง และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่เชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัด โดยมีพื้นที่ดำเนินการ 6 อำเภอ ได้แก่ เมืองลำปาง งาว เถิน สบปราบ ห้างฉัตร และเมืองปาน โดยมีเกณฑ์ในการคัดเลือกอำเภอเป้าหมาย คือ เป็นอำเภอที่มีการกระจุกตัวของคนจนสูง เป็นพื้นที่ที่มีกลไกความร่วมมือที่มีความเข้มแข็ง และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
“ผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา ได้รูปธรรมความสำเร็จทั้งระบบค้นหาและระบบสอบทานข้อมูลคนจนและ
ครัวเรือนยากจนในพื้นที่กว่า 1,205 ครัวเรือน หรือ 4,215 คน จากตัวเลขกลุ่มเป้าหมาย 12,311 คน จึงทำให้สร้างกลไกความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาความยากจนระดับจังหวัด และจะมีการศึกษาโมเดลแก้จนที่เหมาะสมต่อไป” ผู้ช่วยอธิการบดี มรภ.ลำปาง กล่าว
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี