"แนวหน้า ออนไลน์" มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ "ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร" รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ภายหลังงานสัมมนา "EEC NEWCHAPTER NEWECONOMY" เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮเอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ถึงแนวโน้ม "โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก" (EEC) ในมุมมองที่ต้องเดินหน้าไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของโลก โดยต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งจัดว่าจีนเป็นพี่ใหญ่ในเอเซีย เพราะฉะนั้นท่วงทีการเดินของไทยทางด้านเศรษฐกิจจึงต้องล้อไปกับประเทศจีนเช่นกัน โดยเฉพาะเศรษฐกิจภาคการเกษตร ซึ่ง "แนวหน้า ออนไลน์" จึงถอดเนื้อหาคำต่อคำ ในประเด็นที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
การเชื่อมโยงระหว่าง “อีอีซี” กับ “ภาคเกษตร” ?
ภาคการเกษตรก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะอยู่ในอีอีซี แต่ว่าอีอีซีเราจะเป็นลักษณะเฉพาะ ประเทศไทยเรามีมิติทางภาคการเกษตรค่อนข้างใหญ่ ดังนั้น อีอีซีเขาผนวกการเกษตรเข้าไปอยู่แล้ว เพียงแต่จะไม่ใช่เกษตรรูปแบบเดิม เราต้องไปเกษตรทันสมัย เกษตรยุคใหม่ ไปสู่ไบโอเทค เทรนด์เป็นแบบนั้น และให้มูลค่าสูง การลงทุนครั้งนี้เราใช้เม็ดเงินเยอะใช้คนเยอะ ใช้ทรัพยากรเยอะ เพราะฉะนั้น ผลตอบแทนต้องคุ้มค่า เกษตรรูปแบบเดิมผลตอบแทนมันต่ำ เกษตรรูปแบบใหม่ ผลตอบแทนดีกว่า
อย่างที่ผมบอก เราได้ก้าวเดินไปก้าวหนึ่งแล้ว แต่ยังมีอีกหลายก้าวต้องพัฒนาต่อไป ซึ่งในส่วนภาคการเกษตรเป็นอีกก้าวต่อไปที่เราต้องให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น พอเราชัดเจนนโยบายแล้ว นักลงทุนก็จะมา อย่างเช่น ไต้หวัน นักลงทุนไต้หวันอาจจะบอกว่า ผมไม่อยากไปลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่แต่เขาอาจจะมองทางเลือกที่ประเทศไทย เขาอาจจะมาลงทุนเกษตรยุคใหม่ในประเทศไทย เพราะอาจจะมีมิติเทรดวอร์ เทควอร์ (trade war-tech war) หรือมิติด้านอื่นๆ ผมคิดว่า ตัวแปรต่างๆเหล่านี้ก็ยังสำคัญ
ช่วงห้าปีสิบปีหลังจากนี้ “อีอีซี” จะเป็นอย่างไรต่อไป ?
อันแรกเลย ผมคิดว่า เราต้องมีความชัดเจนทางด้านนโยบาย เราต้องทำ "อีอีซี" เป็นมิติให้เป็น "วาระแห่งชาติ" ที่รัฐบาลทุกๆรัฐบาลต้องเข้ามาแล้วสานต่อ อันนี้สำคัญมาก ที่ทำไม่เราเห็นจีนเขาพัฒนาแล้วสานต่อ ผู้นำ 4 คน 40 ปีที่ผ่านมา เขา "ส่งไม้ต่อ" กัน เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญมาก ถึงแม้การเมืองจะเปลี่ยนไป แต่ผมคิดว่า พอมันเป็น “วาระแห่งชาติ” ทุกๆ พรรคการเมือง คุณก็ต้องเข้ามา เมื่อคุณเข้ามาแล้ว โอเค คุณอาจปรับเปลี่ยนแนวคิดอะไรบางอย่าง แต่โครงการนี้มันจะต้องเดินหน้า
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และ ไปล้างไปลบของเดิม จะเป็นอย่างไร ?
อันนี้ก็จะไม่ต่อเนื่อง และจะมีผลต่อความมั่นใจของนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างชาติที่กำลังจะเข้ามา ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ มันไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ เราต้องลงทุนกับมัน และ เราก็รู้ว่า เราขายของเก่ากินไม่ได้อีกต่อไป พราะฉะนั้นของใหม่ที่เข้ามา มันเป็นอนาคต เป็นความหวังของเรา คือ ถ้าเราทุกคน พรรคการเมือง ภาคเอกชน ภาคประชาชน ตระหนักถึงข้อนี้ ทุกคนจะเดินไปทิศทางเดียวกัน และทำให้โครงการอีอีซีเดินหน้าไปได้ตามที่ อ.คณิต (ดร.คณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) วางไว้ แล้วก็เกิดเป็นรูปธรรม วันนี้มันเพิ่งเริ่มผลิดอกออกผล แต่จริงๆแล้ว ยังจะบานได้อีกเยอะมาก
เราพูดกับคนไทยด้วยกันเองแล้ว ผมก็ไปยืมปากจีนมาพูดว่า จีนที่สำเร็จอย่างทุกวันนี้ เขามีเรื่องเหล่านี้ นักลงทุนต่างชาติ ถ้าเราไปสวมหมวก นักลงทุนต่างชาติ แล้วเรามองกลับมาที่ไทย แล้วมองมาที่อีอีซี แล้วทุกคนบอกว่า ยังไม่รู้เลย เขาก็บอกว่า งั้นชะลอการลงทุน แต่ถ้าบอกทุกพรรคการเมืองเป็นวาระแห่งชาติ เราไม่ค่อยมีวาระแห่งชาติ ในลักษณะมิติของการพัฒนา ส่วนใหญ่เป็นลักษณะมิติของการแก้ไขปัญหา แต่นี่คือมิติใหญ่ ที่ขจัดปัญหาความยากจน สร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
อ.คณิต ท่านมองไปไกลแล้ว ท่านบอกว่า ถ้า "ระเบียงเศรษฐกิจ" อีอีซี ทำสำเร็จแล้วต่อไปยังไง แล้วถ้าโมเดลเราทำสำเร็จ เราก็ขยายโมเดลไปยังต่างประเทศ ไปลงทุนในต่างประเทศ ในลักษณะแบบนี้ คือ สิ่งที่ประเทศไทยควรทำ เราต้องขายอะไรที่มันเป็นบริการ ความคิด และเทคโนโลยีระดับสูง
คือ ระดับของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมันมีหลายระดับ ระดับสูงแล้วเราก็ปล่อยให้จีนเขาไป จีนเขาทำนโยบายเมดอินไชน่า 2025 อีกไม่กี่ปีเขาก็ครบโครงการแล้ว หลังจากนั้นผมว่า เขาอาจจะมีโครงการใหม่ๆ เช่น อินโนเวดเท็ด อิน ไชน่า (INNOVATED IN CHINA) ริเริ่ม,สร้างสรรค์,นวัตกรรมในเมืองจีน ปี 2035 คือ ไปอีก 10 ปี แต่อีกสิบปีในอนาคตที่จะไปหลังจากนั้น ธุรกิจ หรือ นวัตกรรมที่เขาได้พัฒนาไปถึงปี 2025 มันก็จะกลายเป็นนวัตกรรมกลางที่จะขยายไปยังที่อื่นๆ ประเทศอื่นๆ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ไปอยู่ที่บ้านเขาก็ไม่มีประโยชน์ แต่สำหรับบ้านเรายังมีประโยชน์อยู่ สำหรับหลายๆอุตสาหกรรมยังมีประโยชน์อยู่ เราก็อาจจะมาเป็นซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับสูง แต่เป็นนวัตกรรมระดับกลาง และ ปล่อยให้จีนเป็นระดับสูงไป อย่างนี้ เป็นต้น
"ยิ่งเราใกล้กับจีนมากเท่าไหร่ จะยิ่งแนบแน่นมากขึ้น ช่องว่างไม่ให้ห่างกัน และ จะเป็นประโยชน์กับการลงทุนและเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรม และ ผมคิดว่า จีนเขาแซงเราไปหลายปี เพราะเรื่องการเมืองก็เป็นตัวแปรสำคัญ !"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี