‘ทักษิณ’กับ‘คำถาม’ที่อาจไม่เคยถูกถาม ถูกเลี่ยงตลอดมา
“ผมกลับมาเพราะรักประเทศไทย”
คือคำกล่าวที่อดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” พูดในหลายเวที นับตั้งแต่เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังใช้ชีวิตลี้ภัยนานกว่า 15 ปีท่ามกลางคดีทุจริตและคำพิพากษาจำคุกติดตัว
ตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ทักษิณเริ่มปรากฏตัวในที่สาธารณะถี่ขึ้น ทั้งเวทีเสวนาทางวิชาการ เวทีพรรคการเมือง ไปจนถึงกิจกรรมกึ่งบันเทิงเชิงนโยบาย เขาพูดในสิ่งที่อยากพูด ถูกถามในเรื่องที่ตอบง่าย และเวทีส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนจะเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” สำหรับเขา
แต่เวทีล่าสุด “ปลดล็อกประเทศไทย”
จัดโดย อสมท (MCOT) กลับทำให้สาธารณชนเริ่มตั้งคำถามใหม่อีกครั้ง เพราะพิธีกรอย่าง อาจารย์วีระ ธีรภัทร กล้าตั้งคำถามแบบไม่อ้อมค้อม เช่น
เรื่องดีลลับทางการเมือง
ความเหมาะสมของนโยบาย “แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท”
และประเด็นว่า “ทำไมทักษิณยังต้องเข้ามายุ่งกับการเมือง” ทั้งที่เคยบอกจะวางมือ
คำถามเหล่านี้แม้จะสะท้อนความกล้าหาญในการสัมภาษณ์ แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมคำถามใหญ่อีกหลายข้อที่สังคมอยากฟังจากปากเขาโดยตรง
#คำถามที่อาจไม่เคยถูกถามเลย หรือเคยถูกเลี่ยงตลอดมา
+ “ถ้ารักประเทศจริง ทำไมดันลูกสาวเป็นนายก?”
หนึ่งในคำถามที่ค้างคาใจคนจำนวนมากคือ การผลักดัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊งค์” ให้ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการเมืองหรือการบริหารรัฐมาก่อน จุดยืนของพรรคเพื่อไทยที่ให้เหตุผลว่าเธอมีความตั้งใจจริง ดูจะยังไม่เพียงพอสำหรับคนที่ตั้งคำถามว่าหรือแท้จริงแล้ว นี่คือการ
“สืบทอดอำนาจในครอบครัว”?
+ “ไหนบอกจะกลับมาเลี้ยงหลาน?”
ย้อนกลับไปในวันแรกที่กลับถึงดอนเมือง ทักษิณให้ภาพของผู้ชายสูงวัยที่โหยหาความสงบ ขอใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวในช่วงบั้นปลาย แต่เพียงไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เขากลับเดินสายพบผู้นำประเทศ วางหมากนโยบาย และเข้าพูดในหลายเวทีของพรรคเพื่อไทย
ในความรู้สึกของหลายคน ทักษิณไม่ได้วางมือจากการเมือง เขาแค่เปลี่ยนบทบาทจากหน้าเวทีไปหลังฉาก
+ “จากที่เคยว่า ‘ฮุนเซนไร้จริยธรรม’ ทำไมวันนี้ถึงสนิทแนบแน่น?”
ครั้งหนึ่งทักษิณเคยวิจารณ์สมเด็จฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ว่าเป็นผู้นำที่ “ขาดจริยธรรม” แต่หลังจากหนีคดี ทักษิณกลับได้รับการต้อนรับจากฮุนเซน และความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี จนกระทั่งกลายเป็น “มิตรเก่า” ที่สนิทที่สุดในภูมิภาค
คำถามที่สังคมตั้งไว้ก็คือ
เมื่อคำพูดในอดีตไม่ตรงกับการกระทำในวันนี้ เราควรเชื่อสิ่งใด?
+ “ยอมรับผิดในเอกสารขออภัยโทษ แต่ปราศรัยบอกถูกยัดคดี?”
ในเอกสารขอพระราชทานอภัยโทษ ทักษิณยอมรับคำพิพากษาของศาลอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อขอรับพระมหากรุณาธิคุณ แต่เมื่อได้ออกจากเรือนจำ กลับมีถ้อยคำหลายครั้งที่บอกว่า “ถูกยัดข้อหา” และเป็น “คดีการเมือง”
นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องความย้อนแย้งในคำพูด แต่สะท้อนถึงความจริงใจที่สังคมกำลังตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา
+ คำถามอื่น ๆ ที่รอคำตอบ
เหตุใดพรรคเพื่อไทยจึงยอมจับมือกับพรรคล้มรัฐบาลเลือกตั้งปี 2562 ทั้งที่เคยประกาศไม่ร่วม
นโยบายประชานิยมที่ทักษิณเสนอครั้งใหม่ เช่น “แจกเงินหมื่น” มีหลักประกันทางการเงินจริงหรือแค่หาเสียง?
และสำคัญที่สุด: เขากลับมาเพื่อประเทศไทยจริง หรือกลับมาเพื่อครอบครัวและอำนาจที่ไม่เคยยอมปล่อย?
คำถามเหล่านี้ยังไม่มีเวทีไหนกล้าถามครบ และทักษิณก็ยังไม่เคยตอบครบเช่นกัน
หากเขายืนยันว่า “รักประชาชน” และ “ห่วงใยประเทศ” จริง
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะกล้าตอบคำถามที่สังคมอยากฟังอย่างตรงไปตรงมา
#ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี