ชำแหละ 4 ข้อปมพิพาทไทย-กัมพูชา ‘เกมหักหลัง’ระดับชาติ เงียบงันแต่ร้อนแรงกว่าสงครามปืนกล
21 กรกฎาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก “ปราชญ์ สามสี” โพสต์ข้อความ ระบุว่า...
แม้ภาพที่ปรากฏออกมาจะดูเหมือนว่าทักษิณ ชินวัตร และฮุน เซน กำลังบาดหมางกันในทางการเมืองระหว่างประเทศ แต่หากพินิจให้ลึกแล้ว สิ่งที่เราเห็นอาจเป็นเพียง “มายา” ที่สร้างขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความร่วมมือที่ยังคงดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ ใต้โต๊ะ โดยเฉพาะในมิติของผลประโยชน์ร่วม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสีเทา การเอื้อพื้นที่ให้ทุนสามานย์ หรือการยื้ออำนาจในประเทศของตนเองผ่านเกมบีบในระดับภูมิรัฐศาสตร์
1. สงครามชายแดน: เครื่องมือทางการทูตของกัมพูชา
เหตุปะทะบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี กลายเป็นเครื่องมือของฝั่งกัมพูชาในการยกระดับข้อพิพาทสู่เวทีนานาชาติ โดยเฉพาะเวที UNSC (คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ) ซึ่งหากกัมพูชาสามารถลากไทยเข้าไปอยู่ในฐานะ “ผู้ถูกร้องเรียน” ได้ ก็จะสามารถสร้างเงื่อนไขใหม่ทางการทูตเพื่อต่อรองหรือแม้กระทั่งลดทอนอำนาจอธิปไตยของไทยบริเวณชายแดนตามที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตกับกรณีปราสาทพระวิหาร
2. ไทยนิ่ง เพราะถูกมัดมือชก
ในขณะที่ประชาชนไทยบางส่วนตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลหรือกองทัพไทยไม่ตอบโต้แบบ “ฟันต่อฟัน” คำตอบก็คือ การเมืองไทยเองกำลังเผชิญกับกับดัก การแบ่งแยกระหว่าง “รัฐ” กับ “รัฐบาล” ที่ไม่ลงรอยกัน รัฐบาลภายใต้ทักษิณไม่อาจเปิดเกมแข็งกับกัมพูชาได้เต็มที่ เพราะจะกระทบสายสัมพันธ์ลับและผลประโยชน์ที่ต่อเนื่องจากยุคก่อน ส่วนกองทัพไทยในฐานะผู้รักษาอธิปไตย ก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ เกินเลยขอบเขตได้หากไม่ได้รับ “ใบอนุญาต” ทางการเมืองอย่างชัดเจนจากรัฐบาล
3. แรงกดดันจากนอกประเทศ เป็นเงื่อนไขสร้างแรงปะทะในประเทศ
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือมีความพยายาม “บีบ” กองทัพไทยให้เกิดการเคลื่อนไหวภายในประเทศ ซึ่งการเคลื่อนไหวในที่นี้หมายรวมถึง “รัฐประหาร” ด้วย ถ้ามองจากมุมนี้ แรงกดดันจากฝั่งกัมพูชาที่ดูเหมือนไม่สัมพันธ์กับการเมืองในประเทศ อาจเป็นเพียงกลไกในการ “ก่อเงื่อนไข” ให้เกิดวิกฤติภายใน กล่าวคือ ถ้าทหารตอบโต้แรงเกิน – เสี่ยงโดนเวทีโลกประณาม ถ้านิ่งเฉย – จะโดนประชาชนตำหนิว่าไม่ปกป้องประเทศ ทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่ความชอบธรรมในการใช้ “ทางเลือกสุดท้าย” คือการล้มรัฐบาลเสียเองเพื่อรักษาอธิปไตย
4. รัฐธรรมนูญ 60: เป้าหมายปลายทางของเกมนี้
อย่าลืมว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 คือกลไกสำคัญที่กดดันนักการเมืองฉ้อโกงไว้ด้วยมาตรการปราบโกง ผ่านองค์กรอิสระและระบบตรวจสอบเข้มงวด นักการเมืองจำนวนไม่น้อยมองว่ารัฐธรรมนูญนี้เป็นอุปสรรคใหญ่ หากไม่สามารถโหวตแก้ไขได้ในสภา อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ “ฉีกมันทิ้ง” ผ่านการก่อวิกฤติแล้วอาศัยกองทัพเข้ามาเปลี่ยนกติกาใหม่
---
ข้อสรุป
สถานการณ์ที่ชายแดนไทย–กัมพูชาในเวลานี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของ “ระเบิด” หรือ “การปะทะกันเล็กน้อย” หากแต่เป็น สงครามเชิงสัญลักษณ์ ที่ถูกใช้ในการก่อแรงกดดันทางการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ฝั่งหนึ่งคือฮุน เซน และเครือข่ายอำนาจที่ใช้ประเด็นนี้เล่นงานไทยบนเวทีโลก
อีกฝั่งคือกลุ่มนักการเมืองในไทยที่รอจังหวะใช้วิกฤติปลุกเร้ากองทัพให้ล้มรัฐบาล แล้วฉีกกติกาที่ควบคุมพวกเขา
ประชาชนจึงต้องตระหนักว่าเบื้องหลังความขัดแย้งนี้ มีมากกว่าแค่คำว่า “ชายแดน” หรือ “การเมืองระหว่างประเทศ”
แต่มันคือ เกมหักหลังระดับชาติ ที่กำลังดำเนินไปแบบเงียบงันแต่ร้อนแรงยิ่งกว่าสงครามปืนกลใด ๆ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี