จากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เนื่องจากขาดแคลนน้ำใช้ในการอุปโภค- บริโภค และทำการเกษตร ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ชลประทานฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของแม่น้ำแม่กลองครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม เพชรบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม
เมื่อปี 2562 กรมชลประทาน โดยสำนักบริหารโครงการเร่งทำการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวา เนื่องจากโครงสร้างอาคารชลประทานต่างๆ มีอายุเก่าแก่ เกิดการชำรุดเสียหาย มีปัญหาการบริหารจัดการน้ำมีปัญหาการส่งน้ำค่อนข้างมาก รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้ที่ดิน ระบบการเพาะปลูกรวมถึงบริบทการใช้น้ำด้านต่างๆ ทำให้โครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรมีการศึกษาปรับปรุงโครงการให้ชัดเจน
ต่อมาปี 2564 สำนักบริหารโครงการได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา เพื่อดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ได้แนวทางและแผนงานดำเนินการปรับปรุงโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในปัจจุบันอย่างชัดเจน
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำต้นทุน ครอบคลุมพื้นที่ชลประทานประมาณ 2.42 ล้านไร่ ใน จ.กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี นครปฐม และบางส่วนของ จ.เพชรบุรี โดยแบ่งเป็นโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งซ้าย และโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวา มีปริมาณน้ำจัดสรรเฉลี่ยปีละร่วม 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร
เฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์
สำหรับการประชุมกลุ่มย่อยและการมีส่วนร่วมของประชาชนและทุกภาคส่วนมีวัตถุประสงค์เพื่อการแก้ไขปัญหาด้านการชลประทานในพื้นที่อย่างโปร่งใส และสร้างการมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการน้ำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการบริหารจัดการน้ำ ปรับปรุงองค์กรการบริหารจัดการน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีระยะเวลาการศึกษาโครงการจำนวน 540 วัน (ประมาณ 18 เดือน) เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน2564 และสิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้างปรับปรุงโครงการมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวามีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาพื้นที่ชลประทาน เนื่องจากปัจจุบันการใช้น้ำมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ระบบชลประทานยังใช้แบบเดิม ไม่เป็นไปตามความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ขณะที่ปริมาณน้ำต้นทุนมีเท่าเดิม ไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้น้ำ ซึ่งกรมฯ จะต้องจัดสรรน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดทั้งปี และเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำของระบบชลประทานและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่มีความเข้มแข็งมากขึ้น
และหากรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวาสำเร็จลุล่วง ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งแก่เกษตรกรและทุกภาคส่วนที่ใช้น้ำจากโครงการฯ และสามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรได้ดียิ่งขึ้น โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 กรมฯ ได้จัดประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเจ้าหน้าที่กรมฯ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ผู้นำท้องถิ่น และตัวแทนเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ณ ห้องประชุม สำนักงานชลประทานที่ 13 อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี
นางประคอง บ้านใหม่ อยู่บ้านเลขที่ 27/1 หมู่ 3 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรีหนึ่งในตัวแทนกลุ่มเกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ชลประทาน มั่นใจว่าเมื่อโครงการดังกล่าวสำเร็จ ประชาชนหลายร้อยครัวเรือนจะได้รับประโยชน์จากการใช้น้ำในระบบชลประทานอย่างมาก
ด้านนายสนิท พิริยะพงษ์พันธ์ ผู้จัดการโครงการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 18 เดือนของการดำเนินงานโครงการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานแม่กลองใหญ่ฝั่งขวา พบว่ามีการบริหารจัดการน้ำที่ไม่ทั่วถึงและผิดพลาด เนื่องจากระบบส่งน้ำไม่สมบูรณ์ เกิดการชำรุดเสียหาย ทำให้เกษตรกรไม่ได้รับน้ำอย่างเต็มที่ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงระบบใหม่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้เกิดการระบายอย่างทั่วถึง
แนวทางการปรับปรุงประกอบด้วย การปรับปรุงสิ่งก่อสร้างจากระบบเดิมให้ดีขึ้น ปรับปรุงระบบส่งน้ำและการจัดสรรน้ำ ปรับปรุงระบบการระบายน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง โดยการเพิ่มแก้มลิง อาคารเก็บกักน้ำ ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การใช้ระบบส่งน้ำที่ทันสมัยโดยใช้ระบบหมุนเวียนเพื่อเพิ่มความสามารถในการระบายน้ำให้มากกว่าเดิม การบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สร้างการรับรู้แก่เกษตรกร เน้นการมีส่วนร่วมมากขึ้น รวมถึงใช้เครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย (Smart phone) มาช่วยบริหารจัดการ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ซึ่งหากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น จะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและเกษตรกรผู้ใช้น้ำอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี