วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 “กัญชา”ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด ประเภท 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องระบุชื่อยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 พ.ศ.2563 ฉบับลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ออกตามความในมาตรา 29 วรรคสอง แห่ง ป.ยาเสพติด และ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 โดยให้มีผลเมื่อพ้น 120 วัน นับแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ให้เฉพาะตัวสารสกัดจากกัญชาและกัญชง (พืชสกุล Cannabis) ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามป.ยาเสพติดเท่านั้น
ประกาศดังกล่าวส่งผลให้กัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติดอีกต่อไป และไม่ใช่พืชหรือทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดตามกฎหมายอีกต่อไป ยกเว้นตัวสารสกัดจากกัญชา
นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ผ่านมาร่วม 6 เดือนแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับกัญชาก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจอยู่มากมายทีเดียว
เมื่อไม่นานมานี้ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) จัดเสวนา “เช็คสถานการณ์ 6 เดือนผ่านไปในวันที่มีกัญชารอบบ้าน”โดย รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด กล่าวว่า หลังปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดมีผลเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เท่าที่เห็น บางครอบครัวสามารถป้องกันดีไม่ให้มีการใช้กัญชาสันทนาการเข้ามาในบ้านได้ แต่ภายนอกบ้านยังสามารถพบได้ทั่วไป ทั้งร้านสะดวกซื้อ และการโฆษณาทางทีวี ตอกย้ำความคิดว่ากัญชาปลอดภัยใช้ได้ ขณะเดียวกันก็ยังเห็นผลกระทบจากการได้รับกัญชาทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจดังนั้นต้องติดตามผลกระทบต่อเนื่อง แสดงข้อเท็จจริงอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา เพื่อนำไปสู่การวางมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพ
“ยืนยันว่าไม่ค้านใช้การแพทย์ แต่การใช้ทั่วไปแบบนันทนาการหรือสันทนาการเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอยู่ในระบบที่ดี เพราะที่ผ่านมามีรายงานพบว่า ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี สูบกัญชามากขึ้น 2 เท่าอย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลายภาคส่วนก็ช่วยกันออกกฎหมาย ประกาศต่างๆ เพื่อควบคุมระหว่างรอร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ....ที่สมบูรณ์รัดกุมในอนาคต” ผู้อำนวยการ ศศก. กล่าว
.jpg)
ขณะที่ ดร.นพ.มูฮัมหมัดฟาห์มี ตาเละ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ระบุว่า ที่ผ่านมา เรื่องเกี่ยวกับกัญชามีปัญหาเฉพาะหน้ามากมาย ทำให้กระทรวงสาธารณสุข ต้องมีกฎหมายหรือประกาศออกมาหลายฉบับ ทั้งการใช้ปรุงอาหาร ห้ามใช้ในเด็กต่ำกว่า 20 ปี กลุ่มเปราะบาง แต่ที่ตนเป็นห่วงคือกรณีอบรมผู้ประกอบการ และมีหลักสูตรการสอนในโรงเรียนให้เห็นถึงคุณประโยชน์ คุณค่า การใช้อย่างถูกวิธี เหมือนดาบ 2 คม ทำให้ชินในการใช้กัญชาปรุงอาหารและเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผู้ประกอบการพยายามให้โรงเรียนมีหลักสูตรสอนการดื่มที่ถูกต้อง แต่ในเชิงลึกเป็นการชี้นำให้ใช้ได้
“ยิ่งวันนี้กัญชาที่ถูกผลักดันหรือถูกกำหนดทิศทางโดยฝ่ายการเมือง อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ผลักดันจนถูกกฎหมายและมีแนวโน้มถึงการใช้กัญชาสร้างการ
ท่องเที่ยว ให้นันทนาการมากขึ้น แต่กระแสสังคมเริ่มกังวล เพราะเห็นผลกระทบตามมา และพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่าไม่ยอมรับกัญชาเสรีใช้นันทนาการ ดังนั้นต้องระวัง เพราะจากข้อมูลแม้ว่าผลกระทบจากการใช้กัญชาทางร่างกายไม่มาก แต่มีข้อมูลผู้เข้ารับการบำบัดทางจิตจากกัญชาสัดส่วนปี 2561 อยู่ที่ 3% ปี 2562 อยู่ที่ 14% ปี 2563 อยู่ที่ 8% ปี 2564 อยู่ที่ 14% ส่วนปี 2565 เกือบ 17% จะเห็นว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และน่าจะเป็นเทรนด์ที่ต้องเฝ้าระวัง” ดร.นพ.มูฮัมหมัดฟาห์มี ตาเละ กล่าว
ทางด้าน นางพัชรินทร์ ขันคำ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
ยาเสพติด(ป.ป.ส.) กล่าวว่า หลังปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดพบว่า มีการขายเมล็ดกัญชา กัญชงทางอินเตอร์เนตเพิ่มขึ้นทั้งนี้ จากการติดตามปลูกพืชกัญชงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เน้นเพื่อเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากยังขาดองค์ความรู้ทำให้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ที่สำเร็จพบว่า เป็นการปลูกภายใต้ระบบการควบคุมเพื่อการศึกษาวิจัย
ส่วนการปลูกกัญชาพบว่า มากกว่า 90-95% ไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาโรคพืช และแมลง เพราะขาดองค์ความรู้ในการปลูกที่มีคุณภาพ ทั้งที่ใช้เงินทุนสูง ผลผลิตไม่ได้เกรดที่สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์ได้ ขายไม่ได้ จึงเป็นที่น่ากังวลว่าผลผลิตเหล่านี้ จะหลุดเข้าไปในตลาดมืด ที่น่าห่วงคือการใช้ในเยาวชนที่อาจจะนำไปสู่การใช้สารเสพติดชนิดอื่นๆ ตามมาได้ ดังนั้นตนมองว่า ควรมีการควบคุมการปลูก มีกลไกดูแลระดับพื้นที่อย่างทั่วถึง
.jpg)
นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่มีการระบุว่าการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดของไทย ไม่ผิดอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติด 1961 ว่า เป็นการให้ข้อมูลที่ผิดเพราะในอนุสัญญายังถือว่าเป็นยาเสพติดที่ยังไม่มีประเทศใด นอกจากไทยที่ปลดออกจากยาเสพติด ทั้งนี้ จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พบว่าหลายประเทศที่อนุญาตให้ใช้เพื่อนันทนาการกว่า 40% มีการใช้ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะแถบอเมริกาเหนือ และแอฟริกาบางประเทศ เกิดปัญหาอาชญากรรม ปล้น คดีทางเพศ นำไปมอมผู้หญิงเกิดปัญหาสาธารณสุข ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย อุบัติเหตุทางถนน ขณะที่ปัญหากัญชาใต้ดินก็ยังมีอยู่ ข้อเสนอของยูเอ็นคือควรส่งเสริมให้ประชาชนทำอาชีพอื่น พร้อมยกโครงการพระราชดำริยกเลิกการปลูกฝิ่นของไทยเป็นแบบ ขัดแย้งกับนโยบายรัฐบาลไทยที่ส่งเสริมการปลูกกัญชามากขึ้น
นายไพศาล กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทยนั้น มีหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย เพราะมีเนื้อหาที่ต้องมีการตีความให้เกิดการใช้กัญชาเสรี เช่น การกำหนดพื้นที่ห้ามขาย ห้ามสูบ ซึ่งไม่มีใครเขียนแบบนี้ เพราะเท่ากับว่าสถานที่ที่นอกเหนือจากนั้นถือว่าทำได้ การระบุว่าห้ามสูบที่สาธารณะ แปลว่าสูบในบ้านได้ แล้วเกิดกลิ่นควันไปกระทบเพื่อนบ้าน และกฎระเบียบต่างๆ ที่ออกมากำกับก็ไม่สามารถใช้ได้จริง เช่น พ.ร.บ.การสาธารณสุข เรื่องกลิ่นและควันเป็นเหตุรำคาญก็ต้องมีเงื่อนไขว่าต้องมีการร้องเรียน เป็นต้น
ทั้งนี้ เมื่อย้อนไป ตอนยกร่างฯ ก็ไม่มีการประชาพิจารณ์อย่างแพร่หลาย แต่ทำผ่านเว็บฯ มีผู้แสดงความเห็น 97 คน แล้วทำสรุป ที่สำคัญคือกระทรวงสาธารณสุขไม่เสนอร่างฯ ประกอบ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่หน่วยงานรัฐไม่ควรละเลย ถือว่ากระทรวงเกียร์ว่าง ซึ่งอาจเพราะรัฐมนตรีอยู่ในพรรคเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หลังร่างฯ ถูกตีกลับมาปรับปรุงเสนอเข้าสภาใหม่นั้น ไม่น่าทันรัฐบาลชุดนี้ เพราะยังต้องผ่านวุฒิสภาอีก ท่ามกลางภาวะสุญญากาศไม่มีกฎหมายควบคุม ดังนั้นภาครัฐต้องมีบทบาทมากกว่านี้ ป.ป.ส.ไม่ควรละเลย เพราะดูแลเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเฉพาะ การอ้างว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้วจะไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ถูกต้อง เพราะสิ่งที่เห็นชอบให้ปลดล็อกตอนแรกอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
.jpg)
พญ.จริยา ภูดิศชินภัทร ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล นำเสนอกรณีตัวอย่างชายวัยกลางคน 3 ราย ซื้อคุกกี้ผสมกัญชา แบ่งกันกินแล้วเกิดอาการเมา เคลื่อนไหวช้า ภาพตัดเป็นพักๆ จนต้องมาโรงพยาบาล พัก 4 ชั่วโมงอาการจึงค่อยดีขึ้น เมื่อตรวจคุกกี้ที่เหลือก็พบ THC 0.019% ไม่เกินที่กฎหมายกำหนดในการเป็นยาเสพติด แต่กลับมีผลกระทบได้
อีกเคสเป็นชายวัย 30 ปี มาโรงพยาบาลด้วยอาการซีกซ้ายอ่อนแรง 30 นาที หลังสูบกัญชาบ้อง และมีอาการปวดศีรษะ ไม่มีตาเบลอ หรือผิดปกติอื่นๆ ตรวจร่างกายและ MRI สมองผลเป็นปกติ รักษาเหมือนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจนหายแล้ว ผู้ป่วยให้ข้อมูลว่าสูบกัญชา 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 2 ปี คาดว่าอาการดังกล่าวน่าจะเกิดจากกัญชา สอดคล้องกับรายงานในต่างประเทศ ที่พบคนสูบกัญชามานานจะทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดสมองหดเกร็งเฉียบพลัน ภาพถ่ายรังสีหลอดเลือดสมองพบบางจุดตีบชัดเจน ทั้งนี้คนอายุน้อย ถ้าหดแล้วคลายตัวทันทีเนื้อสมองจะไม่ตาย แต่ถ้าคนมีปัญหาหลอดเลือดตีบ เบาหวานความดัน หลอดเลือดตีบชั่วคราวก็จะทำให้สมองขาดเลือดเฉียบพลันหรือมีเลือดออกสมองได้ และกรณีเช่นนี้อาจเกิดกับผู้ป่วยใช้สาร หรือสารเสพติดอื่นๆ ได้ แต่กัญชาก็พบได้ ราว 20%
นอกจากนี้ สารกัญชายังมีทั้งฤทธิ์กดสมอง และกระตุ้นสมองระยะสั้น และผลระยะยาว เช่น จิตเวช ซึมเศร้า อีคิวลด กล้ามเนื้อเรียบของหลอดลมหดเกร็ง เป็นต้น
จากการติดตามสถานการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับกัญชา หลังจากผ่านการปลดออกจากบัญชียาเสพติดมาประมาณครึ่งปี ทำให้พบว่า ยังมีปัญหาต่างๆ ที่น่าเป็นห่วงหลายประการ ซึ่งก็ต้องดำเนินการป้องกันและแก้ไขต่อไป เนื่องจากกัญชานั้น เป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษที่มากมายพอๆ กัน ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้
ดังนั้น จึงต้องมีกฎหมาย ระเบียบต่างๆ วางไว้เป็นแนวทางควบคุมอย่างรัดกุม ชัดเจน เพื่อที่จะทำให้สังคมได้รับประโยชน์จากกัญชาได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน ต้องหลีกห่างจากโทษที่อาจจะเกิดขึ้นควบคู่กันไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี