ถ้าสังเกตให้ดีๆ ขณะนี้ป้ายหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ มีรูป จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคพร้อมสโลแกน“สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”ติดไปทั่วประเทศ นำหน้าพรรคการเมืองอื่นไปแล้ว
นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งของพรรค อธิบายว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมในทุกๆด้านแล้วกว่า 90% เพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในปีหน้า ในส่วน 10% ที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องนั้นก็คือ ผู้สมัครที่พรรคต้องเตรียมตัวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งหลายพื้นที่มีผู้สนใจเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งที่มีคุณภาพเสนอตัวเข้ามาหลายราย รวมทั้งในพื้นที่ๆพรรคต้องเตรียมผู้สมัครใหม่ลงแทน สส. ที่มีแนวโน้มว่าจะไปสมัครในนามพรรคอื่น พรรคก็ได้มีการเตรียมผู้ที่จะลงทดแทนไว้แล้วในทุกเขตเลือกตั้ง
นอกจากการเตรียมผู้สมัครในแต่ละเขตแล้ว เรื่องนโยบายที่ใช้หาเสียงก็เป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งการจัดทำนโยบายของพรรคนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ กรอบงบประมาณที่ต้องใช้ภายใต้นโยบายที่จัดทำ ระยะเวลาที่ต้องปฏิบัติ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดต่อประชาชน และประเทศชาติทั้งด้านการพัฒนาประเทศ และคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ หลักคิดเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะเป็นทั้ง มาสเตอร์ แพลน (Master plan) ของพรรคในการวางอนาคตของประเทศชาติและประชาชน ที่จะใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงครั้งนี้คือ สร้างเงิน สร้างคนสร้างชาติ
โดยมีแนวทางที่สำคัญของทั้ง 3 ส. ดังนี้
1. สร้างเงิน โดยการแยกเป็นสองส่วนใหญ่ๆคือ สร้างเงินให้ประเทศ และสร้างเงินให้ประชาชน
2. การสร้างคน ที่พรรคจะสนับสนุนและส่งเสริมดูแลคนตั้งแต่ในครรภ์มารดา จนส่งสู่เชิงตะกอน ทั้งสร้างสวัสดิการเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคงขึ้น เพราะพรรคเชื่อว่าเมื่อเราสร้างคนให้มีความรู้และความมั่นคงในชีวิต จะแปรเปลี่ยนพลังของประชาชนให้เป็นพลังในการสร้างประเทศชาติได้อย่างมั่นคง
3. สร้างชาติ ด้วยระบบประชาธิปไตยที่สุจริต ควบคู่ไปกับการกระจายอำนาจมุ่งสู่สร้างเมืองมหานคร พร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานด้าน คมนาคมเพื่อเชื่อมประเทศไทยกับโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ มีความคืบหน้าจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถือว่าเป็นสุภาพบุรุษนักการเมือง ช่วงที่กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)เวลาชาวบ้านเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติก็ลงไปคลี่ลายปัญหาอย่างทันท่วงทีตั้งแต่เหนือจรดใต้
งานในสภาไม่เคยบกพร่องสามารถปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหลายหน เมื่อมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็ทุ่มสุดตัว ในทุกๆ ด้าน
ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเขียนถึงผลงานในชายแดนใต้ที่พรรคประชาธิปัตย์ผลักดันจนเป็นรูปธรรม มากมายเช่นเดียวกับในภาคอื่นๆ
ที่โลกต้องจับตามอง โดยเฉพาะ คือ การผลักดันจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปสู่ “มหานครแห่งอาหารและบริการฮาลาล สู่ ตลาดโลก”
อาทิ การเพิ่มจำนวนฐานแม่วัวพันธุ์พื้นเมือง รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 ตัว
การเพิ่มจำนวนฐานแม่พันธุ์และพ่อพันธุ์แพะ รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 ตัว
ขับเคลื่อนเมืองปูทะเลโลก แบบครบวงจร เพิ่มจำนวนลูกปูเพาะพันธุ์ได้เองในพื้นที่ ไม่น้อยกว่า 50,000,000 ล้านตัว ครัวเรือน/กลุ่มอาชีพ มากกว่า 100 กลุ่ม และการท่องเที่ยวชุมชน 10 ชุมชน
เพิ่มจำนวนพื้นที่เพาะปลูกพืชอาหารสัตว์พืชพลังงานและผลไม้รองรับการพัฒนาภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น้อยกว่า 50,000 ไร่
ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ภาษาไทย ภาษามลายู ภาษาอาหรับ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษและภาษาตุรเคีย แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรองรับการประกอบอาชีพ และผู้ที่ประสงค์จะไปศึกษา และทำงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เชื่อมโยงกับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกมุสลิมไม่น้อยกว่า 4 หมื่นราย
วันก่อนในการประชุม คณะกรรมการยุทธการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้(กพต.) นิพนธ์ บุญญามณี ได้เสนอต่อที่ประชุมให้เจรจามาเลเซีย เพิ่มจำนวนแรงงานที่ถูกกฎหมายให้แรงงานต้มยำกุ้งพร้อมอำนวยความสะดวกงานทะเบียนแจ้งเกิด-ตายฯ และต่อยอด 3 แผนงาน เน้นความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่สร้างเศรษฐกิจฐานรากสู่ความมั่งคั่ง จัดสมดุลทรัพยากรฯสู่ความยั่งยืน
ทุกโครงการรวมทั้งการประกันรายได้ให้เกษตรกรทั่วประเทศในพืช 5 ชนิด ไม่มีข่าวคราวความเสียหายทั้งประชาชนได้ประโยชน์เต็มที่เชื่อว่านโยบายยุทธศาสตร์ 3 ส.ที่กลั่นกรองออกมาแล้ว สามารถ ให้ประโยชน์กับส่วนรวมได้ 100 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน