วันพุธ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
แนวหน้า Talk : คุยกับ‘หมอวรงค์’ใน2ประเด็นร้อน จาก‘นักโทษชั้น14’ถึง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’  เรื่องใหญ่เขย่ารัฐบาล‘พรรคเพื่อไทย’

แนวหน้า Talk : คุยกับ‘หมอวรงค์’ใน2ประเด็นร้อน จาก‘นักโทษชั้น14’ถึง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เรื่องใหญ่เขย่ารัฐบาล‘พรรคเพื่อไทย’

วันศุกร์ ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567, 06.10 น.
Tag : นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หมอวรงค์ แนวหน้าTalk
  •  

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก (รับหลักการ) เมื่อวันที่
3-5 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา นอกจากจะมีข้อถกเถียงทั้งจากในที่ประชุมโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และนอกสภาฯ โดยประชาชนผู้เป็นคอการเมือง ในเรื่องความเหมาะสมของการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆ แล้ว ยังถูกใช้เป็นเวที “อุ่นเครื่อง” ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ด้วย

โดยเฉพาะประเด็นที่เหมือนกับเป็น “กล่องดวงใจ” ของรัฐบาลชุดนี้ อย่าง “นักโทษชั้น 14” กรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลตัดสินโทษจำคุกรวม 8 ปี ฐานพัวพันคดีทุจริตต่างกรรมต่างวาระ ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี แต่ล่าสุดผ่านมาแล้วกว่า 4 เดือน นับตั้งแต่ที่ ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 ส.ค. 2566 ก็ไม่เคยได้อยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยถูกส่งตัวไปอยู่ที่ห้องพักชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ท่ามกลางความ “คาใจ” ของสังคม


ซึ่งต้องบอกว่า เมื่อใดที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของ “พรรคเพื่อไทย” ถูกตั้งคำถามเรื่องนี้ มักนำไปสู่ “วิวาทะ”โต้เถียงกันระหว่างฝ่ายที่ตั้งคำถาม กับบรรดา สส. หรือผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงพรรคการเมืองพันธมิตรอย่าง “พรรคประชาชาติ” ที่ในระหว่างการอภิปรายร่างฯงบประมาณ วันที่ 3 ม.ค. 2567 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า “ทักษิณคือผู้สร้างสันติภาพ” โดยอธิบายว่า แม้อดีตนายกฯ ทักษิณ จะไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ แต่ก็ยอมกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้บ้านเมืองมีสันติสุขและเกิดความปรองดอง

หนึ่งในผู้ที่ “เกาะติด” การทำหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม กับการดำเนินการต่อ “น.ช.ทักษิณ” แบบ “กัดไม่ปล่อย” อย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ให้สัมภาษณ์กับรายการ “แนวหน้า Talk” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2567 ถึงความเห็นของ รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ว่า จำไม่ได้หรือที่มีการพูดว่าวันใดที่มีเสียงปืนแตกจะมานำคนเข้ากรุงเทพฯ นี่คือผู้สร้างความขัดแย้ง

แล้วพอวันที่กลับเข้าประเทศแต่มีพฤติกรรมแบบนี้ ให้ดูว่าประชาชนแตกแยกกันเยอะเลย คำถามคือ “พ.ต.อ.ทวี ไปชื่นชมว่าเป็นนักสร้างสันติภาพได้อย่างไร” ประกอบกับตัวของ ทักษิณ ก็บอกว่ายอมรับผิด และมีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษแล้ว ดังนั้นตนมองว่า รมว.ยุติธรรม คนนี้เป็นอันตราย แต่ก็เชื่อว่าการที่ พ.ต.อ.ทวี บอกว่า ทักษิณคือผู้สร้างสันติภาพ ไม่ได้อยู่ในบท เพียงแต่ที่ผ่านมาได้ดิบได้ดีเพราะวิธีการแบบนี้มาตั้งแต่สมัยรับราชการ และคนที่ใช้วิธีนี้ไต่เต้าก็จะทำแบบนี้อยู่ตลอดโดยไม่สนใจความรู้สึกของประชาชน

ทั้งนี้ ตนเกาะติดเรื่องทักษิณกับชั้น 14 รพ. ตำรวจมาตลอด ร้องเรียนไปก็หลายที่ เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อกันอยู่ รวมถึงร้องไปที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งตนมองว่า “องค์กรอิสระทำงานช้าไม่ทันใจประชาชน” ยังไม่มีความชัดเจน ไม่มีการเชิญไปอธิบาย มีแต่ข่าวผู้ตรวจการแผ่นดินไปถ่ายรูปที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่เคยเห็นหลักฐานใดๆ ทั้งที่ควรทำมากกว่านี้

รวมถึงตนยังมีข้อสังเกตอีกว่า เรื่องคนใกล้ชิด ภรรยาหรือลูก มีข่าวไปเยี่ยมในช่วงแรกๆ แล้วหลังจากนั้นก็เงียบไปทั้งที่ก่อนหน้านี้ทักษิณอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลูกก็ยังบินไปเยี่ยมอยู่เรื่อยๆ มีภาพออกมาทุกเดือน แต่ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล อาการปางตายหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะผ่านมากว่า 120 วัน แล้วยังไม่ได้กลับเรือนจำเลย จึงกลายเป็นข้อกังขาว่า “ตกลงแล้วทักษิณอยู่ รพ.ตำรวจ จริงหรือไม่?” เพราะด้วยสามัญสำนึก คนในครอบครัวป่วย 2 สัปดาห์ ไปเยี่ยมครั้งหนึ่งก็แย่แล้ว อย่างน้อยต้องอาทิตย์ละครั้ง หรือไม่ก็ต้องไปทุกวัน

“ที่คุณอ้างว่ากล้องวงจรปิดเสีย เพราะมันเป็นภาพความเคลื่อนไหวทั้งหมดของคนในชั้น 14 ทำไมไม่ซ่อมเสียที ปล่อยมา 4 เดือนกว่า มันผิดปกติ คือโดยปกติแล้วคนมีความรู้สึก คุณอ้างว่ากล้องเสียช่วงแรกๆ ในช่วงเดือนแรกหลังจากนั้นคุณก็ต้องซ่อม แต่จนป่านนี้คุณก็ไม่ซ่อม คุณจงใจที่จะไม่ซ่อมหรือเปล่า เพราะไม่ต้องการให้ภาพบางอย่างหลุดออกมาหรือเปล่า” นพ.วรงค์ กล่าว

นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า แล้วที่สำคัญที่สุดคือการที่ รมว.ยุติธรรม ได้ออกมาพูดในสภา เรื่องนักโทษได้รับการดูแลที่มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน ต้องบอกว่ามีคนมาร้องเรียนตนอยู่เยอะ บางคนเป็นเนื้องอกในสมอง ผ่าตัดที่โรงพยาบาลในต่างจังหวัด ผ่าตัดแค่ 2 วันยังส่งกลับเรือนจำ อ้างว่าสถานพยาบาลในเรือนจำดูแลได้ แต่กรณีของทักษิณคือผ่านไป4 เดือนแล้ว ตนรู้สึกว่ามันเหลื่อมล้ำกันมากเกินไป

และการส่งผู้ต้องขังไปรักษาตัวภายนอกเรือนจำตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และระเบียบของกรมราชทัณฑ์ การส่งตัวเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ ไม่ใช่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อย่างน้อยต้องนำเอกสารที่แพทย์ใน รพ.ราชทัณฑ์ เขียนถึงอาการเจ็บป่วยออกมาเปิดเผย และการต่อเวลาตั้งแต่ 30 วัน 60 วัน 120 วัน ระเบียบก็เขียนว่าต้องมีใบรับรองแพทย์ระบุว่ามีเหตุจำเป็นให้ต้องอยู่โรงพยาบาลนอกเรือนจำต่อไป เอาหลักฐานนี้มาเปิดเผยต่อประชาชน ยกเว้นคำไหนที่ไม่ต้องการเปิดเผยก็ขีดฆ่า แต่ให้เห็นว่ามีแพทย์ดูแลจริงๆ แต่ขณะนี้ไม่มีอะไรสักอย่าง

ส่วนที่บอกว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย ให้ดูกรณีผู้ต้องขังที่เป็นผู้ชุมนุมม็อบ 3 นิ้ว แล้วมีรายงานว่าเจ็บป่วยในเรือนจำ บางคนป่วยหนักก็ออกไปรักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ก็เห็นมีแพทย์แถลงอาการทุกวัน ความดันเป็นอย่างไร กินอาหารได้หรือไม่ สุขภาพเป็นอย่างไร ให้น้ำเกลืออยู่หรือเปล่า แต่กรณีของทักษิณ ตนสังเกตว่าไม่มีแพทย์คนใดกล้าแถลงหรือให้รายละเอียด

หรือแม้แต่ตัวของทักษิณเอง ตอนรักษาตัวในต่างประเทศยังถ่ายรูปบอกคนอื่นๆ เลยว่าเป็นอะไร ซึ่งทักษิณสามารถแถลงได้ คนไทยไม่ใช่คนใจจืดใจดำ ยิ่งที่มีข่าวว่าเจาะ 4 รูที่หัวไหล่ เหตุใดไม่มีแพทย์ออกมาแถลงว่าเจาะเพราะอะไร เรื่องนี้ไม่ซับซ้อน แต่วันนี้ก็ไม่มีคำตอบ ส่วนค่ารักษาพยาบาล ที่อ้างว่าใช้สิทธิ์ สปสช. ก็ต้องบอกว่าตามระเบียบกรมราชทัณฑ์นักโทษอยู่ห้องพิเศษไม่ได้ แต่กลับปล่อยให้อยู่ห้อง VIP และจริงๆ ป่วยเกิน 1-2 เดือนถือว่าติดเตียงแล้ว ถือว่าอาการใกล้โคม่า หากพูดในเชิงหลักการ หากต้องอยู่นานขนาดนั้นก็ต้องบอกประชาชน

“ผมในฐานะที่เป็นแพทย์ แพทย์เองอย่างไรก็แล้วแต่คุณต้องแสดงความเห็นออกมาว่าคนไข้นี้เป็นอะไรมากและป่วยหนักถึงขั้นไม่สามารถอยู่ รพ.ราชทัณฑ์ได้ จะต้องอยู่ที่ รพ.ตำรวจต่อ ดังนั้นคุณเอาใบแสดงความเห็นแพทย์หรือใบรับรองแพทย์ที่แสดงความเห็นว่าป่วยหนักมาก แล้วต้องแยกอย่างนี้ ป่วยจริงกับป่วยหนักมากจนรักษาไม่ได้ต่างกันนะ เขาอาจจะป่วยจริงก็ได้ คือคนวัยเกิน 60 ความดัน-เบาหวาน 80% มีอยู่แล้ว ควบคุมได้ อย่างนี้ป่วยจริงแต่ไม่ได้ป่วยหนักมากจน รพ.ราชทัณฑ์รักษาไม่ได้ ถึงจะไปอยู่ รพ.ตำรวจ” นพ.วรงค์ ระบุ

นพ.วรงค์ กล่าวย้ำว่า การไปอยู่ รพ.ตำรวจ ไม่ใช่หมายความว่าแค่ป่วยเฉยๆ แต่ต้องป่วยหนักมากจน รพ.ราชทัณฑ์รักษาไม่ได้จนต้องส่งตัวไป ซึ่งการป่วยหนัก
ขนาดนั้นก็ควรชี้แจงว่าป่วยอะไร จนขณะนี้ประชาชนไม่เชื่อทั้ง รมว.ยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่า ทักษิณน่าจะได้พักโทษกลับไปอยู่บ้านด้วยเงื่อนไขใส่กำไล EM ในเดือน ก.พ. 2567 ต้องอธิบายก่อนว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 กฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ.2563 และระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566

ซึ่งระเบียบดังกล่าวทำให้กรมราชทัณฑ์เปลี่ยนแปลงคำตัดสินของศาลได้ จากจำคุกไปเป็นการคุมขังที่บ้านโดยไม่มีรายละเอียดปลีกย่อยใดๆ และเนื่องจากในวันที่ 5 ธ.ค. 2566 ไม่มีพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ส่วนระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566ก็ออกวันที่ 6 ธ.ค. 2566 ตนจึงสันนิษฐานว่าจะใช้กฎเกณฑ์นี้มาให้กลับไปอยู่บ้านหรือไม่

แต่เนื่องจากมีแรงต้านมาก ตนก็สันนิษฐานว่าอาจไม่กล้าใช้ระเบียบใหม่นี้ก็ได้ แต่ใช้ระเบียบเดิมที่มีอยู่ คือใช้เกณฑ์นักโทษอายุเกิน 70 ปี มีโรคประจำตัว จำคุกมาแล้วเกินกึ่งหนึ่งหรือไม่น้อยกว่า 6 เดือน ก็อาจให้ไปพักที่บ้านได้ เพราะเมื่อถึงจุดนี้แล้วก็เป็นไปได้ที่จะใช้เงื่อนไขดังกล่าว ตนไม่ว่าในเรื่องหลักการ แต่คำถามคือทักษิณป่วยหนักจริงหรือเปล่า หรือจะสร้างสถิติไม่ต้องอยู่เรือนจำเลยแม้แต่วันเดียว ไม่ตัดผม ไม่ใส่ชุดนักโทษ และไม่มีภาพให้เห็น

“มันก็ย้อนแย้งนะ ลองนึกภาพดู จนขณะนี้ 130 กว่าวันยังป่วยหนักอยู่เลยนะ ถ้าพูดแล้วยังติดเตียงนะ ณ ขณะนี้ อาจต้องฉีดท่อน้ำเกลือ ใส่สายสวนปัสสาวะ แล้วเมื่อถึงครบ 6 เดือน แล้วได้กลับบ้าน แล้วอีกวันมาจ้อๆ เลยหรือ คือมันจะยิ่งทิ่มแทงหัวใจประชาชน เหยียบหัวใจประชาชน คุณอ้างว่าคุณป่วยหนักแล้วคุณมาจ้อ ผมว่าคุณเองที่จะทำลายศรัทธารัฐบาล ทำลายทั้งคุณเศรษฐา ทั้ง รมว.ยุติธรรม แม้แต่ลูกสาวคุณ คุณอาจจะคิดว่าคุมสื่อได้ในอนาคต ในการปั่นกระแส แต่ ณ วันนี้ คุณทำลายศรัทธาทุกอย่าง ผมเชื่อว่าความน่าเชื่อถือมันน้อย” นพ.วรงค์ กล่าว

ยังมีการ “มองข้ามช็อต” ไปถึง “น้องสาว” อย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หนีคดีอยู่ในต่างประเทศเช่นกัน ว่าจะ “เดินตามรอย” ตามที่ผู้เป็นพี่ชายอย่างทักษิณปูทางไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างหรือไม่ ซึ่ง นพ.วรงค์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “พวกนี้เขากล้าหมดทุกอย่าง” แต่ตนก็เคยเตือนว่า “ถ้ากลับมาแล้วใช้มุขเดิมก็ไม่ต่างกับการเติมน้ำมันเข้ากองไฟ” คนไทยจำนวนไม่น้อยรับสิ่งที่เห็นอยู่นี้ไม่ได้ เข้าทำนอง “หยามกันเกินไป” ทั้งนี้ ตนมองว่า หากตอนมานั้นทักษิณมาแบบเงียบๆ ไม่โชว์อะไรมาก (เช่น ออกกำลังกาย) กระแสก็คงไม่แรงขนาดที่เป็นอยู่

และแม้ตนเชื่อว่า คงมีความพยายามช่วยยิ่งลักษณ์ แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับทักษิณก็คงทำให้ได้คิดว่าหากทำแบบเดิมอีกผู้คนก็ไม่น่าจะทนไหว อย่างไรก็ตาม ตนคาดการณ์ว่า “เมื่อทักษิณพ้นโทษยิ่งลักษณ์ก็จะกลับมา” และรูปแบบก็คงไม่ต่างจากเดิมมากนัก และแม้ที่ผ่านมา ตนจะพยายามไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า แต่อย่างน้อยก็เพื่อสร้างความตระหนักรู้กับประชาชน

แต่ก็ต้องบอกว่า “วันนี้การต่อสู้ของภาคประชาชนกระจัดกระจาย” อย่างตนให้เครดิตกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ออกหน้าสู้ เพราะตนอยู่กับพรรคการเมืองไม่สามารถทำแบบนั้นได้เนื่องจากหมิ่นเหม่กับกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งการเคลื่อนไหวของ คปท. ก็ทำให้คนหู-ตาสว่างขึ้น แต่ทาง คปท. กับตนก็มีการแลกเปลี่ยนความเห็น และได้บทสรุปร่วมกันว่า “ไม่ต้องสนใจว่าใครเสื้อสีอะไร ให้เอาความถูกต้องเป็นหลัก” เพราะจะแดง เหลือง ส้ม ฯลฯ วันนี้ผสมกันไปหมด

โดยล่าสุดมีรายงานว่า วันที่ 12 – 14 ม.ค. 2567 จะมีการนัดชุมนุมของกลุ่ม คปท. ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 12 ม.ค. 2567 บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อกดดันรัฐบาลในเรื่องนี้ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคไทยภักดี นอกจากเรื่องอดีตนายกฯ ทักษิณ แล้ว ยังจับตามองนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” หรือการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่รัฐบาลส่งคำถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าสามารถออก พ.ร.บ.กู้เงิน มาทำนโยบายนี้ได้หรือไม่

“ตอนที่รัฐบาลจะทำเรื่องนี้ มันมีข้อกฎหมายที่คุณมีปัญหาแน่ๆ คือ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐปี’61 ผมก็สู้เรื่องนี้มาเยอะ ผมมีความรู้สึกว่าคุณหาเสียงไว้ว่าจะไม่กู้ แล้วสุดท้ายคุณก็กู้ แล้วทำไมเวลากู้คุณว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน แล้วทำไมคุณไม่กู้ตั้งแต่แรกแล้วแจกเลย ก็ออกเป็น พ.ร.ก. แต่ทำไมคุณไม่กล้า ก็เพราะมันมีความเสี่ยงที่จะติดคุก ผมถึงอยากจะย้ำว่า ณ วันนั้นตอนที่เขาจะทำเขาก็มีปัญหาเรื่องของกฎหมาย มาตรา 53 มาตรา 57

ซึ่งหลักของมาตรา 53 ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านมันมีอยู่ 4-5 ประเด็น จำเป็นไหม? แล้วต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนไหม? ต้องดำเนินการด้วยความต่อเนื่องไหม? เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไหม? แล้วสุดท้ายคือคุณตั้งงบประมาณไม่ได้ใช่ไหม? 5 ประเด็นนี้ต้องเข้า แต่สุดท้ายมันเข้ากี่ข้อ? ถามว่ามันจำเป็นเร่งด่วนไหม? วิกฤตเศรษฐกิจประเทศไหม? ถ้ามันวิกฤตเร่งด่วนทำไมคุณรอมาตั้งนาน? แล้วที่สำคัญที่สุด คุณตั้งงบประมาณไม่ได้จริงหรือเปล่า? เพราะงบประมาณมันเพิ่งเข้า คุณมีเวลาตั้งหลายเดือน นี่จึงเป็นปัญหาของรัฐบาล” นพ.วรงค์ ระบุ

นพ.วรงค์ กล่าวในตอนท้ายว่า ตอนที่รัฐบาลปรึกษากฤษฎีกา กฤษฎีกาก็ตอบแบบนักกฎหมาย คือบอกว่าทำได้แต่ต้องคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ตนเชื่อว่า “จะมีการแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินสดแน่นอน” อธิบายง่ายๆ คือเงินบาทเป็นเงินชั้นหนึ่ง สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายซื้อสินค้าใดๆ ก็ได้ แต่การไปกู้เงินบาท นำเงินก้อนนี้มากองไว้หรืออาจเบิกไว้รอให้แลก

แต่เงินที่แจกเป็นเงินดิจิทัลซึ่งเป็นเงินชั้นสองหรือเป็นคูปองที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย มีสินค้ากว่า 10 รายการที่ไม่สามารถใช้เงินดิจิทัลซื้อได้ รวมถึงชำระค่าใช้จ่ายพื้นฐาน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเล่าเรียน ค่าพลังงาน (น้ำมัน- ก๊าซหุงต้ม) “ให้ลองนึกถึงพ่อค้า – แม่ค้าตามตลาดนัด มีหนี้ต้องจ่ายทุกวัน จะใช้หนี้ได้อย่างไร?” สุดท้ายเงินดิจิทัลก็จะไปกองอยู่กับธุรกิจขนาดใหญ่มีสายป่านยาว ดังนั้นหากนโยบายเงินดิจิทัลสามารถออกมาได้จริง ตนเชื่อว่าจะสร้างปัญหากับระบบเศรษฐกิจอย่างมาก ตอนนี้พรรคไทยภักดีเองก็เริ่มนำข้อเท็จจริงออกมาตีแผ่

“ผมว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่ ผมสังเกตคนติดตามเรื่องนี้เยอะ บางครั้งผมอัดคลิปที่มันเป็นข้อเท็จจริงอธิบายเรื่องเงินชั้น 1-ชั้น 2 ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ร้านย่อยเป็นอย่างไรบ้าง ผมใช้เวลาอัด 6-7 นาที คนดูเยอะมากมันเป็นการให้ความรู้ประชาชน” นพ.วรงค์ กล่าว

หมายเหตุ : สามารถติดตามรายการ “แนวหน้า Talk” ดำเนินรายการโดย บุญยอด สุขถิ่นไทย ได้ผ่านทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา19.00 น.!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เพราะเราอยู่กับ‘ความไม่แน่นอน’ นักวิชาการตอบข้อสงสัย ทำไม‘หมอดู’อาชีพครองใจคนทุกยุค เพราะเราอยู่กับ‘ความไม่แน่นอน’ นักวิชาการตอบข้อสงสัย ทำไม‘หมอดู’อาชีพครองใจคนทุกยุค
  • แนวหน้าTalk : ‘อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี’ ทำไมประชาชนต้องสนใจ‘ผังเมือง’ แนวหน้าTalk : ‘อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี’ ทำไมประชาชนต้องสนใจ‘ผังเมือง’
  • ‘วิทิตนันท์’เล่าย้อนโมเมนต์ประวัติศาสตร์ กว่าจะเป็นชาวไทยคนแรกผู้พิชิต‘เอเวอเรสต์’ ‘วิทิตนันท์’เล่าย้อนโมเมนต์ประวัติศาสตร์ กว่าจะเป็นชาวไทยคนแรกผู้พิชิต‘เอเวอเรสต์’
  • แนวหน้าTalk : ‘ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์’ จาก‘สมรสเท่าเทียม’ถึงบทบาท ‘ฝ่ายค้านเชิงรุก’ของ‘พรรคก้าวไกล’ แนวหน้าTalk : ‘ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์’ จาก‘สมรสเท่าเทียม’ถึงบทบาท ‘ฝ่ายค้านเชิงรุก’ของ‘พรรคก้าวไกล’
  • ‘หว่อง-พิสิทธิ์’เปิดใจ! เหตุผลที่‘คดีเด็ด’อยู่นานถึง 23 ปี ก่อนลาหน้าจอ ‘หว่อง-พิสิทธิ์’เปิดใจ! เหตุผลที่‘คดีเด็ด’อยู่นานถึง 23 ปี ก่อนลาหน้าจอ
  • แนวหน้าTalk : ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’  นโยบาย‘กลาโหม’ยุครัฐมนตรี‘เพื่อไทย’ ยกเครื่อง‘พลทหาร’ปูทางสู่‘เลิกเกณฑ์’ แนวหน้าTalk : ‘จิรายุ ห่วงทรัพย์’ นโยบาย‘กลาโหม’ยุครัฐมนตรี‘เพื่อไทย’ ยกเครื่อง‘พลทหาร’ปูทางสู่‘เลิกเกณฑ์’
  •  

Breaking News

เข้าถึงยากขึ้น! 'สมศักดิ์'เล็งใช้ใบรับรองแพทย์ก่อนใช้'กัญชา'

'DSI'จับกุมตัวผู้ต้องหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์

(คลิป) แนวหน้าTAlk : ปอกเปลือก 'ศรีสุวรรณ' นักร้อง No.1

'อธิการบดี มธ.'ประกาศความพร้อม ดูแลคนไทยใน'สังคมสูงวัย'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved