ผลสำรวจพบคนไทย 64.7% ไม่รู้หนังสืออ่านไม่เข้าใจ 74.1% ขาดทักษะด้านดิจิทัล และ 30.3% มีทักษะทางอารมณ์และสังคมที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ส่งผลกระทบต่อรายได้และการไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ ทั้งหมดนี้คือวิกฤตที่น่าเป็นห่วง ของเยาวชนและประชากรแรงงานไทย จากการสำรวจ ทักษะและความพร้อมเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน (ASAT) ในประเทศไทย พ.ศ.2565 ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมแก้ไข เพราะการขาดทักษะทั้ง 3 ด้านนี้ ไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพชีวิต แต่ยังกระทบวงกว้างถึงระบบเศรษฐกิจไทย จากการมีแรงงานขาดทักษะอีกด้วย เป็นที่มาของการร่วมมือระหว่าง กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ธนาคารโลก (World Bank) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการร่วมขับเคลื่อนทักษะทุนชีวิตในระดับจังหวัด
นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า โครงการสำรวจทักษะและความพร้อมของเยาวชนและประชากรในวัยแรงงานเป็นความร่วมมือของธนาคารโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ซึ่งเป็นโครงการที่ทำงานมาต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการนำความรู้จากธนาคารโลกมาใช้ในประเทศไทย เป็นการทำงานในช่วงปี พ.ศ.2564-2565 และต่อเนื่องในปี 2566 เป็นการประเมินทักษะทุนชีวิตที่สำคัญใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ทักษะการอ่านออกเขียนได้ 2.ทักษะดิจิทัล และ 3.ทักษะสังคมและอารมณ์ ของประชากรวัยแรงงานและเยาวชน เพราะดูความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดแรงงานว่ามีมากน้อยเพียงใด โดยเป็นการประเมินเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน ในช่วงอายุ 15-64 ปี จำนวนประมาณ 7,300 คน ทั่วประเทศ
โคจิ มิยาโมโตะ
“ความสำคัญของงานชิ้นนี้เป็นการประเมินขีดความสามารถของแรงงานไทยที่เป็นสากลครั้งแรก ที่มีการทำงานในเรื่องนี้และเป็นการทำงานครอบคลุมอธิบายประชากรในวัยแรงงานทั้ง 50 ล้านคนของบ้านเรา ว่ามีความพร้อมขนาดไหน และถ้าเทียบเคียงก็น่าจะเทียบเคียงกับเรื่องของ PISA ที่มีการสำรวจในนักเรียนอายุ 15 ปี แต่อันนี้ก็เน้นประชากรที่สูงขึ้นมาเป็นวัยผู้ใหญ่ ผลการวิจัยอาจจะไม่ใช่เป็นข่าวดีนัก เป็นผลที่อาจจะทำให้พวกเราหลายๆ คนต้องทำงานหนักขึ้น เราพบว่าเยาวชนและประชากรในวัยแรงงานของเราจากผลสำรวจนี้ จำนวนมากที่ขาดทักษะทุนชีวิตขั้นต่ำ” นายพัฒนะพงษ์ กล่าว
และว่า การขาดทักษะ 3 ด้านนี้ทำให้ไทยต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากกับการทำงานในศตวรรษที่ 21 นี้ โดยกลุ่มประชากรที่พบมากว่าขาด 3 ทักษะ จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ได้จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษา และจำนวนมากที่กระจุกตัวอยู่ในชนบท
นายโคจิ มิยาโมโตะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ด้าน Global Practice จากธนาคารโลก กล่าวว่า เราได้มองเห็นปัญหาของการขาดทักษะ ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ จากการทำงานสำรวจยังพบว่าในหลายภูมิภาคของประเทศไทย กำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตการเรียนรู้ ซึ่งพบสัดส่วนของเยาวชนและประชากรวัยแรงงานจำนวนมากเกินคาด ยังขาดทักษะการรู้หนังสือ ทักษะดิจิทัล ทักษะอารมณ์และสังคม หรือแม้แต่เกณฑ์ขั้นต่ำที่สุดก็ยังไม่ถึง คือความจริงที่น่าตกใจของประเทศไทย โดยเวทีนี้จะเป็นการร่วมหารือแนวทางแก้ไข ปัญหาวิกฤตทักษะทุนชีวิต ในการค้นหาแนวทางที่เป็นไปได้ ในการสร้างทักษะทุนชีวิตให้กับประชาชน
ธีรยุทธ สำราญทรัพย์
“สิ่งสำคัญในการทำงานด้านนี้คือเรื่องการสร้างความเข้าใจ ลักษณะของวิกฤตทางทักษะทุนชีวิต ของพื้นที่ตนเอง ซึ่งหากเราไม่มีข้อมูลถึงปัญหาการขาดทักษะของพื้นที่ก็จะทำให้การทำงานนั้นเป็นไปได้ยาก ในการจะหาแนวทางอย่างเป็นรูปธรรม และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ธนาคารโลกได้ร่วมงานกับ กสศ. และเกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมา” นายโคจิ กล่าว
นายโคจิ ระบุว่า ASAT ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถศึกษาเชิงลึกในเรื่องของทักษะทั้ง 3 ด้าน เช่น ดูไปยังพื้นที่ของจังหวัดว่าคนกลุ่มที่ขาดทักษะมีมากน้อยแค่ไหน และผลของการประเมินจะนำไปสู่การหาทางออกของท้องถิ่นว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ทักษะทุนชีวิตทั้ง 3 ด้าน คือ ทักษะสำคัญที่ทุกคนจำเป็นต้องมี เพื่อให้สามารถเป็นบุคคลที่มีคุณภาพในตลาดแรงงาน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนทำอะไรทักษะทั้ง 3 ด้านนี้ เป็นทักษะที่จำเป็นต้องมี
นายธีรยุทธ สำราญทรัพย์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลาง อาจจะพูดให้ดีขึ้นหน่อยคือประเทศกำลังพัฒนาขั้นสูงสุด เราจึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2561-พ.ศ.2580 ว่า เราจะเป็นประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปัจจุบันแรงงานไทยคนไทยยังมีปัญหาเรื่อง ทุนทักษะในเรื่องของการเป็นทุนชีวิตอยู่ ตัวเลขเกินกว่า 70% จากรายงานการวิจัยทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า อนาคต 10 ปีต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่พัฒนาได้แล้วจริงหรือ
“กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาทักษะของคนในพื้นที่ทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กปฐมวัย ถึงผู้สูงอายุ โดยเชื่อมโยงการพัฒนาทักษะและการศึกษาต่อเนื่องอย่างครบวงจร (Vertical Linkages) รวมทั้งมีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุน และบูรณาการ ในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อสร้างความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ และภาคเอกชน ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคนในพื้นที่ (Horizontal Linkages)”
นายธีรยุทธ กล่าว
นอกจากนี้ สถานการณ์ทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่กำลังเผชิญความท้าทายในหลายหลากรูปแบบและมีสภาพปัญหาซับซ้อนมากขึ้น ไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ สัดส่วนของประชากรในประเทศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยพบว่าอัตราการเกิดเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง แรงงานในช่วงวัย 20 - 24 ปี มีอัตราลดลง สวนทางกับอัตราแรงงานที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้น สะท้อนความจำเป็นของการอยู่ในระบบแรงงานที่ยาวนานขึ้นของผู้สูงอายุ ในขณะที่แรงงานวัยหนุ่มสาวกลับค่อยๆ ลดจำนวนลงสอดคล้องกับอัตราการเกิด
พัฒนะพงษ์ สุขมะดัน
นายธีรยุทธ กล่าวว่า อีกหนึ่งความท้าทายของท้องถิ่นนั้นคือ “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลกำลังคนของประเทศ จากข้อค้นพบของการสำรวจทักษะและความพร้อมเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน พบว่า กำลังเกิดวิกฤตในกลุ่มประชากรวัยแรงงานค่อนข้างมาก เนื่องจากมีทักษะทุนชีวิตต่ำกว่าเกณฑ์ ตัวอย่างเช่น ร้อยละ 80 ของประชากรวัยแรงงานที่อายุค่อนข้างมาก คือ อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป มีทักษะด้านดิจิทัลต่ำกว่าเกณฑ์ และกว่าร้อยละ 60 ของประชากรวัยแรงงานที่อายุน้อย คืออายุต่ำกว่า 40 ปีขึ้นไป และไม่จบการศึกษาขั้นสูงมีทักษะการอ่านหนังสือที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ส่งผลให้เกิดความแตกต่างของรายได้เป็นจำนวน 6,700 บาทต่อเดือน เมื่อเทียบกับประชากรวัยแรงงานที่อายุน้อยและจบการศึกษาขั้นสูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของทักษะทุนชีวิต
ด้วยเหตุนี้ โจทย์สำคัญที่ท้องถิ่นจำเป็นที่จะต้องแก้ไข คือ ท้องถิ่นจะจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณอย่างไร เพื่อที่ลดช่องว่างทางทักษะ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่เปราะบาง หากไม่เร่งแก้ไข จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนแผนนโยบายทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาในพื้นที่ อีกความท้าทายหนึ่งของท้องถิ่น คือ การเข้าถึงกลุ่มเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนไม่ได้อยู่ในการทำงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม อายุ 15-24 ปี (NEET:Youth Not in Employment, Education, or Training) ที่มีจำนวนมากขึ้นในประเทศ ราว 1.4 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของเยาวชนทั้งหมด
นายธีรยุทธ กล่าวว่า เครื่องมือสำรวจทักษะและความพร้อมเยาวชนและประชากรวัยแรงงาน ที่ได้สำรวจในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคนั้น สามารถนำมาเป็นเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการวางแผนพัฒนาท้องถิ่น การประเมินระดับทักษะทุนชีวิตของกลุ่มประชากรวัยแรงงานในจังหวัด และนำข้อมูลมากำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของจังหวัดอย่างตรงเป้า ทั้งก่อนวัยทำงานและวัยทำงาน
“สำหรับโครงการประเมินและสํารวจทักษะและความพร้อมเยาวชนและประชากรวัยแรงงานระดับจังหวัด (ProvincialAdult Skills in Thailand - PASAT) โดยนำร่องใน 3 จังหวัด คือ พะเยา ระยอง และปัตตานี ทั้ง 3 จังหวัดนี้มีบริบท และความท้าทายในพื้นที่ที่ต่างกัน ผมมั่นใจว่าทั้ง 3 จังหวัดนี้ มีความตั้งใจและความพยายามที่จะทำให้แผนพัฒนาจังหวัดสามารถสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในพื้นที่ได้อย่างจริงจัง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีความยินดีที่จะร่วมกับ กสศ. และธนาคารโลก ในการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดต้นแบบการพัฒนาทักษะทุนชีวิตให้กับทุกกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของประเทศ” นายธีรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี