วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปแนวหน้า : ‘ตะวันออกกลาง’ไม่เคยห่างสงคราม ส่องปมความขัดแย้ง‘สันติภาพ’เกิดยาก

สกู๊ปแนวหน้า : ‘ตะวันออกกลาง’ไม่เคยห่างสงคราม ส่องปมความขัดแย้ง‘สันติภาพ’เกิดยาก

วันจันทร์ ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 07.45 น.
Tag :
  •  

“ตะวันออกกลาง” ภูมิภาคที่เป็นแหล่งรวมอารยธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติ และเป็นดินแดนที่มีทรัพยากรที่หล่อเลี้ยงความเจริญรุ่งเรืองของโลกสมัยใหม่อย่างน้ำมัน แต่ขณะเดียวกัน ตะวันออกกลางก็เป็นเหมือนดินแดนที่ถูกสาป เพราะไม่เคยห่างหายจากสงครามมาตลอดหลายสิบปี ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการหยิบยกมาเป็นหัวข้อเสวนา “จากปาเลสไตน์สู่อิหร่าน-อิสราเอล : หรือจะไร้สันติภาพในตะวันออกกลาง?”จัดโดยศูนย์วิจัยดิเรก ชัยนาม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ผศ.ดร.อาทิตย์ ทองอินทร์ อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เริ่มด้วยการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของชาติคู่ขัดแย้งตะวันออกกลาง ไล่ตั้งแต่ “อิสราเอล” นับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศในปี 2491 ต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากประเทศอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง โดยเฉพาะซีเรีย อียิปต์ จอร์แดน ที่เคยทำสงครามกับอิสราเอลมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2491 , 2507 และ 2516


ขณะที่ “อิหร่าน” ในช่วงแรกๆ ของการก่อตั้งประเทศอิสราเอล ทั้ง 2 ชาติยังคงเป็นพันธมิตรกัน เนื่องด้วยอิหร่านเวลานั้นปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ภายใต้พระเจ้าชาห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาตามยุทธศาสตร์ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์และรักษาอำนาจนำของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลางกระทั่งในปี 2522 อิหร่านเกิดการปฏิวัติอิสลาม เปลี่ยนรูปแบบการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐ จากพันธมิตรคนสำคัญก็กลายเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของอิสราเอลจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม “การต่อสู้ของอิสราเอลกับอิหร่านมีลักษณะเป็นสงครามลับ” คือไม่ได้ยกกองทัพมาสู้รบกันโดยตรง แต่กระทำผ่านปฏิบัติการลอบสังหารบุคคลสำคัญ การก่อวินาศกรรมสถานที่ที่เป็นผลประโยชน์ของอีกฝ่าย หรือกรณีของอิหร่านก็มีการสนับสนุนกองกำลังติดอาวุธที่มีเป้าหมายบ่อนทำลายความมั่นคงของอิสราเอล เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ ดังนั้นอิสราเอลจึงมองว่าอิหร่านกำลังทำสงครามตัวแทนและเป็นรัฐที่ให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้าย จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อลดขีดความสามารถของอิหร่าน

“Keypoint (กุญแจสำคัญ) ทิศทางนี้อยู่ที่เรื่องของนิวเคลียร์ เมื่อใดก็ตามที่โครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านมีความคืบหน้า แม้ในภาพรวมจะแตะกับการขยายผลไปสู่นิวเคลียร์ในทางการทหารหรือไม่ ก็ล้วนถูกมองอย่างระแวงและไม่ไว้วางใจ รวมถึงหวาดกลัวจากอิสราเอลเสมอ ฉะนั้นอันนี้ก็นำมาซึ่งความร่วมมือที่หลากหลายในการที่จะต้านทานโครงการนี้ รวมไปถึงต้านทานการขยายขีดอำนาจของอิหร่านในภูมิภาคด้วย

ซึ่งอันนี้ในช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเต็มไปด้วยความขัดแย้ง มีการปะทะ มีการใช้ความรุนแรง มีสงครามอยู่ตลอดเวลา ก็มาจากความพัวพันจากประเด็นนี้ ที่โยงไปยังอีกประเด็นหนึ่งด้วย ก็คือพอมันเป็นเช่นนี้ อิหร่านจากที่เคยเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดในฐานะประเทศที่อยู่วงขอบของภูมิรัฐศาสตร์ที่ตั้งของอิสราเอล ด้วยคาดหวังว่าจะใช้ในการ Counterbalance (ถ่วงดุล) กับชาติอาหรับที่เป็นภัยคุกคามระยะแรกด้วย ก็กลายมาเป็นศัตรู เพราะฉะนั้นก็ทำให้อิสราเอลต้องปรับนโยบายต่อประเทศที่ห้อมล้อมใหม่ด้วยเช่นกัน” ผศ.ดร.อาทิตย์ กล่าว

ผศ.ดร.อาทิตย์ กล่าวต่อไปว่า เมื่ออิหร่านเปลี่ยนจากมิตรกลายเป็นศัตรู อิสราเอลจึงต้องพยายามแสวงหาความสัมพันธ์กับชาติอาหรับอื่นๆ รวมถึงทำข้อตกลงหยุดยิงกับคู่ขัดแย้งเดิมอย่างซีเรีย อียิปต์และจอร์แดน โดยใช้มุมมองด้านชาติพันธุ์ เพราะในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นอิหร่านไม่ใช่อาหรับแต่เป็นเปอร์เซีย และมุมมองด้านสำนักคิดทางศาสนา ระหว่างศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่กับนิกายชีอะห์ ซึ่งอิสราเอลสามารถใช้ประโยชน์จากปมความแตกต่างนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในทางกลับกัน ในมุมมองของอิหร่าน การปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์และกลุ่มชนผู้ถูกกดขี่ ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญตั้งแต่ยุคปฏิวัติอิสลาม อีกทั้งมีการตั้งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน (IRGC) หนึ่งในนั้นคือหน่วยคุดส์ (Quds) ที่มีบทบาทสำคัญในภารกิจสนับสนุนการปลดปล่อยปาเลสไตน์ ดังนั้นการปลดปล่อยปาเลสไตน์จึงเป็นหน้าที่ของอิหร่านที่ไม่อาจล้มเลิกได้

อีกทั้งการที่อิหร่านเป็นชาติพันธุ์เปอร์เซียและเป็นมุสลิมชีอะห์ ซึ่งแตกต่างจากชาติอื่นๆส่วนใหญ่ในตะวันออกกลางที่เป็นชาติพันธุ์อาหรับและมุสลิมสุหนี่ การที่อิหร่านจะรักษาอำนาจนำไว้ได้ก็ต้องชูเรื่องปาเลสไตน์ขึ้นมา และยิ่งประชาคมโลกเพิกเฉยต่อความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ในขณะที่อิหร่านยิ่งแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน อิหร่านก็จะยิ่งได้ความชอบธรรมในสายตาของประชาชนระดับฐานรากของภูมิภาคนี้มากขึ้น โดยสรุปแล้วสงครามในตะวันออกกลางจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ จะยุติลงอย่างไร

แต่ก็ต้องยอมรับว่า “ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เป็นความขัดแย้งแบบอาณานิคม” เพราะเป็นความขัดแย้งระหว่างคนกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มาก่อนกับคนอีกกลุ่มที่อพยพเข้ามาอยู่ในภายหลัง แล้วไม่สามารถจัดวางความสัมพันธ์ที่คนทั้ง 2 กลุ่มอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งแม้มติขององค์การสหประชาชาติ(UN) จะตกลงให้มี 2 รัฐ คือรัฐยิว (อิสราเอล) กับรัฐอาหรับ (ปาเลสไตน์) แต่ในความเป็นจริง อิสราเอลพยายามรุกคืบขยายอาณาเขตเข้าไปในดินแดนที่ถูกแบ่งให้ปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่มีกลไกใดมาบังคับให้อิสราเอลทำตามมติสหประชาชาติ

ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่าสำหรับผู้ที่สนใจติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางมาอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์ 7 ต.ค. 2566 คือสัญญาณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่ผ่านมาเพราะเชื่อว่าจะลุกลามบานปลาย และมองเห็นตัวแสดงต่างๆ ที่มีท่าทีไม่ปกติ ไล่ตั้งแต่ปฏิบัติการของกลุ่มฮามาส การประกาศสงครามของอิสราเอล คำขู่ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วยหากอิสราเอลบุกฉนวนกาซา ไปจนถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มติดอาวุธอีกหลายกลุ่มในภูมิภาค

ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็ประเมินไว้แบบนี้ เห็นได้จากการรีบจัดส่งความช่วยเหลือไปยังอิสราเอลทันที พร้อมประกาศว่าหากกลุ่มใดเข้ามายุ่งกับสงครามอิสราเอล-ฮามาส สหรัฐฯ ก็จะเข้ามาด้วยเช่นกัน แต่สัญญาณที่น่าสนใจ คือให้สังเกตช่วง 1-2 ปีก่อนหน้าเหตุการณ์ 7 ต.ค. 2566 บรรยากาศในภูมิภาคตะวันออกกลางค่อนข้างเงียบสงัด เนื่องจากคู่ขัดแย้งหลายชาติมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายความตึงเครียดลง เช่น อิหร่าน-ซาอุดีอาระเบีย, ตุรกี-อียิปต์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)-ตุรกี นอกจากนั้น ซีเรียยังกลับเข้าเป็นสมาชิกสันนิบาตอาหรับ

“บรรยากาศแบบนี้มันสะท้อนอะไร? มันสะท้อนว่าระเบียบในภูมิภาคกำลังเปลี่ยน ทำไมมันถึงเปลี่ยน? เพราะว่าสหรัฐอเมริกาลดบทบาทของตัวเองลงในภูมิภาคแล้วไปโฟกัสที่สถานการณ์ในยูเครน ความขัดแย้งกับรัสเซีย ทำให้ในตะวันออกกลางมีการเคลียร์ปัญหากัน สถานการณ์แบบนี้คือสถานการณ์ที่อดีตนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล นาฟตาลี เบนเนตต์ (Naftali Bennett) เขาวิพากษ์วิจารณ์เนทันยาฮู (เบนจามิน เนทันยาฮู-นายกฯ คนปัจจุบันของอิสราเอล) ว่าเป็นความล้มเหลวของเนทันยาฮูอย่างมาก ที่ทำให้ซาอุฯ กับอิหร่านคืนดีกัน

แล้วมันทำให้อิสราเอลอันตรายที่สุด เท่าที่เคยก่อตั้งประเทศมา ครั้งนี้อันตรายที่สุด นั่นหมายความว่าเขามองปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นภัยคุกคามสำหรับอิสราเอล การจับมือของอาหรับต่างๆ ทีนี้ก็ต้องย้อนกลับไปว่าภาวการณ์แบบนี้ อาหรับเคลียร์ปัญหากันมันเกิดขึ้นได้อย่างไร? คือก่อนหน้าที่อาหรับจะเคลียร์ปัญหากันเขาแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายที่อยู่ในตะวันออกกลาง 3 กลุ่มใหญ่ๆ หนึ่งคือซาอุดีอาระเบีย สองคืออิหร่าน สามคือกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้น นำโดยประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่างตุรกี” ผศ.ดร.มาโนชญ์ ระบุ

ผศ.ดร.มาโนชญ์ ขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับฝ่ายหรือกลุ่มที่ 3 ในตะวันออกกลางซึ่งนำโดยตุรกี ว่า ก่อนหน้านี้ตุรกีถือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย แต่ระยะหลังๆ เริ่มดำเนินนโยบายของตนเองอย่างเป็นอิสระมากขึ้น และมีแนวร่วมพอสมควร เช่น กาตาร์ ซึ่งการเกิดขึ้นของฝ่ายที่ 3 นี้ก็ทำให้ภูมิรัฐศาสตร์ของตะวันออกกลางเปลี่ยนไป โดยตุรกีมองเห็นปัญหาสุญญากาศด้านความมั่นคง

เนื่องจากที่ผ่านมา ชาติในกลุ่มของซาอุดีอาระเบียต้องพึ่งพาภายนอกในด้านความมั่นคง โดยรับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ เป็นหลักและอยู่ใต้อิทธิพลของสหรัฐฯ มานาน ขณะที่ชาติในกลุ่มของอิหร่านก็จะพึ่งพาขั้วอำนาจอีกฝั่งหนึ่ง เช่น รัสเซีย เกาหลีเหนือ ดังนั้นหากจะทำให้ปัญหาระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านคลี่คลาย จุดยืนของตุรกี รวมถึงกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ในระยะหลังๆ จะมี 2 เรื่อง คือ 1.อยากให้ชาติในตะวันออกกลางยุติความขัดแย้งและหันมาจับมือกันเพื่อจัดระเบียบภูมิภาคกันใหม่ กับ 2.กลับมาให้ความสำคัญกับปัญหาปาเลสไตน์

อีกด้านหนึ่ง เมื่อไปดูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุฯ กับสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ ได้ผลประโยชน์จากทรัพยากรน้ำมันที่ซาอุฯ มีส่วนซาอุฯ ก็ได้รับการคุ้มครองด้านความมั่นคงจากสหรัฐฯ ทั้ง 2 ชาติมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมานาน กระทั่งในปี 2552 ตุรกีเริ่มเสนอตัวขอเข้าไปดูแลด้านความมั่นคงให้ซาอุฯ แต่เวลานั้นซาอุฯ ยังไม่ตอบรับ ต่อมาในปี 2553 เกิดเหตุอิสราเอลยิงเรือของตุรกีที่แล่นเข้าไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ฉนวนกาซา ทำให้ความสันพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับตุรกีเกิดปัญหาขึ้น แต่นอกจากอิสราเอลแล้วตุรกีก็ยังมีปัญหากับสหรัฐฯ ด้วย

จากจุดนั้นเป็นต้นมา ทำให้เริ่มเห็นความพยายามของตุรกี ที่แสดงบทบาทมุ่งคลี่คลายความบาดหมางระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน และแม้จะมีชาติอื่นๆ เช่น อิรักหรือปากีสถาน เข้ามามีส่วนร่วม แต่ในตอนท้ายของกระบวนการมีขั้นตอนสำคัญคืออาศัยการรับประกันด้านความมั่นคง เมื่อถึงขั้นตอนนี้ จึงปรากฏอีกผู้เล่นหนึ่งคือ “จีน” เข้ามามีบทบาทด้วย ดังจะเห็นว่าจีนมีความสัมพันธ์กับซาอุฯ มากขึ้น และในช่วงที่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ภูมิภาคตะวันออกกลางจึงมีแต่ภาพของการจับไม้จับมือกัน

โดยสรุปแล้ว เหตุการณ์กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค. 2566 จะเชื่อมโยงกับ 2 เรื่อง คือ 1.ปาเลสไตน์ กับ 2.ดุลอำนาจในตะวันออกกลาง ซึ่ง 2 เรื่องนี้พันกันอยู่ เช่น อิหร่านมองว่าหากปล่อยให้อิสราเอลจัดการกับกลุ่มฮามาสและรุกเข้าไปในฉนวนกาซา ก็น่าคิดว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? เพราะนโยบายของอิสราเอลคือการขยายดินแดน ก็เชื่อว่าเป้าหมายต่อไปคงเป็นเลบานอน ซีเรีย จนท้ายที่สุดก็จะต้องเผชิญหน้ากับอิหร่าน ดังนั้นจึงเห็นภาพที่ทั้งอิสราเอล อิหร่าน และกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ไม่มีใครยอมถอย

แต่ในขณะเดียวกัน การที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สามารถออกมติให้อิสราเอลหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยสหรัฐอเมริกาก็ยอมปล่อยให้มติดังกล่าวออกมาเรื่องนี้เป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ เองก็ไม่อยากถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ดังนั้นอิสราเอลก็ต้องหาทางดึงสหรัฐฯ เข้ามาให้ได้ นำไปสู่การเปิดแนวรบใหม่กับอิหร่าน ด้วยปฏิบัติการโจมตีสถานกุงสุลอิหร่านในซีเรีย นอกจากนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาคมโลกต่อการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของอิสราเอลในฉนวนกาซา ก็ทำให้ต้องหาทางเบนความสนใจของโลกไปที่อิหร่านด้วย

ส่วนคำถามว่าตะวันออกกลางจะมีสันติภาพได้หรือไม่? เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แม้ปาเลสไตน์จะได้เป็นรัฐเอกราช เพราะอิสราเอลก็มีนโยบาย “หลักการเบกิน (Begin Doctrine)” ที่มาจากเมนาเฮม เบกิน (Menachem Begin) อดีตนายกฯอิสราเอล ที่ยึดหลักคิด “เปิดก่อนได้เปรียบ (Preventive Strike)” หมายถึง หากมีสิ่งใดที่ดูแล้วส่อจะเป็นภัยคุกคามของอิสราเอลได้ในอนาคต อิสราเอลก็ไม่ลังเลที่จะชิงโจมตีทำลายสิ่งนั้นก่อนเพื่อ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ไม่ยอมให้เติบใหญ่ขยายตัวมาทำอันตรายอิสราเอลได้ เช่น การที่ชาติอาหรับจะมีอาวุธนิวเคลียร์

ซึ่งอิสราเอลจะไม่ยอมให้ชาติอื่นๆ โดยรอบพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์โดยเด็ดขาด หากชาติใดคิดทำอิสราเอลก็พร้อมโจมตีตั้งแต่แรกเริ่มโครงการ ดังที่ทำมาแล้วกับอิรักและซีเรีย แต่การจะทำแบบเดียวกันกับอิหร่านก็ไม่ง่ายเพราะมีข้อจำกัดด้านระยะทาง แต่คำถามว่าแล้วเรื่องอาวุธนิวเคลียร์จะมีทางออกอย่างไร? อิหร่านคงไม่ยอมเลิกโครงการนิวเคลียร์แน่นอนเพราะกังวลนโยบายขยายดินแดนของอิสราเอล หรือจะให้ทั้งอิสราเอลและอิหร่านเลิกพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ก็คงยาก หรือปล่อยให้ทั้งคู่มีอาวุธนิวเคลียร์ไปเลยเพื่อความสมดุล

ผศ.ดร.ยาสมิน ซัตตาร์ คณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ชวนมองปฏิบัติการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านของอิสราเอล แล้วตามด้วยการโจมตีเอาคืนกันไป-มาของทั้ง 2 ฝ่าย โดยอิหร่านใช้โดรนนับร้อยลำโจมตีอิสราเอลแต่ก็ไม่สามารถสร้างผลกระทบได้มากนัก ซึ่งก็มีการวิเคราะห์ไปทั้งมุมที่อิหร่านไม่มีศักยภาพทำอะไรอิสราเอลได้ และมุมที่อิสราเอลต้องใช้งบประมาณสูงกว่ามากกับการป้องกัน หรือการที่อิสราเอลโจมตีกลับไปที่อิหร่าน ก็ไม่ได้โจมตีฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ทั้งที่น่าจะทำได้ จึงถูกมองว่าเป็นเพียงการโจมตีเชิงสัญลักษณ์

“ในแง่หนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าอิสราเอลเองก็รู้ว่าอิหร่านไม่ใช่ฮามาส อิหร่านไม่ใช่ฮิซบอลเลาะห์ ฉะนั้นถ้าเกิดทำอะไรกับอิหร่านนั่นหมายความว่ามันมากกว่านั้น มันมีสิ่งที่อิสราเอลต้องเสียมากกว่านั้น ในขณะที่สถานการณ์การเมืองภายในของอิสราเอลเองก็ไม่ได้เอื้อให้ไปทำสิ่งนั้นมากนัก แค่ที่กาซาก็เหมือนกับ Stuck (ติดหล่ม) กับตรงนี้ไปเยอะ เศรษฐกิจอิสราเอลเองก็ได้รับผลกระทบจากสงครามนี้ไม่น้อย” ผศ.ดร.ยาสมิน ระบุ

ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ครั้งนี้เห็นอะไรหลายอย่าง 1.มุมมองของผู้คนที่แตกต่าง เหตุการณ์ 7 ต.ค. 2566 มีทั้งฝ่ายที่มองว่ากลุ่มฮามาสไปรุกรานอิสราเอล และฝ่ายที่มองว่ากลุ่มฮามาสทำไปเพราะชาวปาเลสไตน์ถูกกระทำมานาน 2.เวลาผ่านไปคนกลับเริ่มเห็นใจชาวปาเลสไตน์เพราะมีพลเรือนจำนวนมากเสียชีวิตจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล เช่น นักศึกษาในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ออกมาประท้วงการกระทำของอิสราเอล หรือแอฟริกาใต้ที่ยื่นฟ้องศาลโลกว่าอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

“ขณะนี้สิ่งที่เราเห็นคือบทบาทของสหรัฐฯ ที่มีอยู่ในตะวันออกกลาง ในฐานะที่ประเทศตะวันออกกลางนั้นเป็นที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯ หลายประเทศ สหรัฐฯ ซึ่งมีกองทัพอยู่ทั่วโลกจะคงปกป้องอิสราเอลไว้ยาวนานแค่ไหน? แล้วขณะนี้โลกเริ่มทวงถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเก่าก่อน อย่างเช่นดินแดนที่เรียกว่า Occupied (ถูกยึดครอง) ทั้งหลายแหล่ที่จริงมันผิดกฎหมายระหว่างประเทศ และมติของสหประชาชาติก็ให้คืน ก็คือย้อนกลับไปสู่เรื่องที่อิสราเอลได้ยึดดินแดนต่างๆ ของปาเลสไตน์” ศ.ดร.จรัญ กล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนรอย 7 ปี \'13 หมูป่าติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน\' ปาฏิหาริย์ที่โลกไม่ลืม ย้อนรอย 7 ปี '13 หมูป่าติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน' ปาฏิหาริย์ที่โลกไม่ลืม
  • สกู๊ปพิเศษ : สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์ต้านยาเสพติด สกู๊ปพิเศษ : สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์ต้านยาเสพติด
  • รายงานพิเศษ : ชายแดนไทยรั่ว ปิดช่องโหว่งัดข้อกัมพูชา รายงานพิเศษ : ชายแดนไทยรั่ว ปิดช่องโหว่งัดข้อกัมพูชา
  • รายงานพิเศษ : ​‘ฉลาดซื้อ – ฉลาดใช้’ เตือนภัย! ผู้บริโภค ทางรอดในยุคของการหลอกลวงไม่รู้จบ รายงานพิเศษ : ​‘ฉลาดซื้อ – ฉลาดใช้’ เตือนภัย! ผู้บริโภค ทางรอดในยุคของการหลอกลวงไม่รู้จบ
  • สกู๊ปพิเศษ : จุดพลังเยาวชนอาเซียน ดึง AI เปิดค่าย ‘AYC 2025’ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสู่โลกอนาคตที่ยั่งยืน สกู๊ปพิเศษ : จุดพลังเยาวชนอาเซียน ดึง AI เปิดค่าย ‘AYC 2025’ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสู่โลกอนาคตที่ยั่งยืน
  • คัดกรองมะเร็งร้าย6รายการ สิทธิคนไทยไม่เสียค่าใช้จ่าย คัดกรองมะเร็งร้าย6รายการ สิทธิคนไทยไม่เสียค่าใช้จ่าย
  •  

Breaking News

ย้อนรอย 7 ปี '13 หมูป่าติดถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน' ปาฏิหาริย์ที่โลกไม่ลืม

‘วันนอร์’ยัน‘รองปธ.สภาคนที่ 2’ ไม่ใช่โควตาของพรรคใด คาดไม่เกิน ก.ค.ได้คนใหม่

(คลิป) ซัด! ขี้ข้า 'เพื่อไทย' รักชาติรับไม่ได้ รับได้เฉพาะขายชาติ?

อดีตนักวิชาการกองทัพ‘จีน’ไม่เชื่อ‘กัมพูชา’มีอาวุธพิสัยไกลหวังผลได้ถึงเมืองหลวง‘ไทย’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved