ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2558 รัฐบาลในขณะนั้นได้แต่งตั้ง คณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ (คพน.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีภารกิจสำคัญประการหนึ่ง คือ จัดทำข้อเสนอการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ จากนั้นในวันที่ 11 พ.ค. 2558 ในการประชุม คพน. ครั้งที่ 2/2558 ได้มีมติเห็นชอบให้มีนโยบายส่งเสริมการเปิดตลาดผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมไทยในหน่วยงานภาครัฐ โดยการให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนนวัตกรรมไทย เป็นเวลาไม่เกิน 8 ปี
“วัตถุประสงค์เพื่อใช้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐเป็นเครื่องมือทางนโยบายการส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นการผลักดันงานวิจัยของภาครัฐไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์แล้ว ยังถือเป็นการกระตุ้นผู้ประกอบการไทยให้หันมาผลิตผลิตภัณฑ์และบริการที่นวัตกรรม ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้สูงกว่าผลิตภัณฑ์และบริการดั้งเดิม
อันจะช่วยปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมจากอุตสาหกรรมที่อาศัยแรงงานและทรัพยากรเข้มข้น เป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และส่งเสริมให้มีการใช้ทรัพย์สินของรัฐอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์มากที่สุด” (ข้อมูลจากบทความ “ที่มาของการขึ้นบัญชีสิ่งประดิษฐ์ไทย” เว็บไซต์ https://thaiinvention.nrct.go.th/ จัดทำโดย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ -วช.)
เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2568 ได้มีวาระพิจารณา “แนวทางการสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท)” เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ผลิตขึ้นได้ภายในประเทศไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบทั้งนิยาม เป้าหมาย กลไก และเกณฑ์พิจารณาในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยในระบบบัตรทอง ที่ผ่านมติการประชุมของคณะทำงานสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยและนวัตกรรมทางการแพทย์ และคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตการให้บริการสาธารณสุขมาแล้ว พร้อมกับรับรองมติเพื่อให้ดำเนินการต่อทันที
“แนวทางการสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยในระบบบัตรทอง ที่บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบนี้ จะเป็นอีกมาตรการสำคัญที่จะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนในการนำผลงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ รวมถึงสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นบัญชีนวัตกรรมแล้วสามารถสร้างรายได้ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างดี และทำให้คนไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพ และการรักษาพยาบาลให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนนิยามนวัตกรรมทางการแพทย์ตามมติที่บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบนั้น หมายความถึงผลิตภัณฑ์ บริการ กรรมวิธีการผลิต การจัดโครงสร้างองค์กร ระบบบริหารจัดการ ที่เป็นสิ่งใหม่ หรือได้รับการปรับปรุงจากเดิม ขณะที่ในส่วนสินค้าและบริการที่มีความคล้ายคลึงที่พัฒนาและจำหน่ายอยู่แล้วในประเทศ ต้องมีคุณสมบัติในการปรับปรุงประสิทธิภาพ หรือมีคุณภาพที่ดีกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ บอร์ด สปสช. ยังเห็นชอบในส่วนหลักเกณฑ์พิจารณาการสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หากเป็นกรณีที่อยู่ในสิทธิประโยชน์ในระบบอยู่แล้ว ให้ สปสช. พิจารณาดำเนินการสนับสนุนได้ทันที แต่หากเป็นสิทธิประโยชน์ใหม่ ขอให้ผ่านกระบวนการพัฒนาสิทธิประโยชน์ในระบบฯ ก่อน ทั้งการพิจารณาราคาที่เหมาะสม รวมถึงประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และความจำเป็นด้านสาธารณสุข
โดยมอบให้เสนอคณะทำงานสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในบัญชีนวัตกรรมไทยฯ และคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตฯ พิจารณาก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด สปสช. ต่อไป ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. ยังมีความเห็นให้ สปสช. ส่งเสริมชุมชน หรือองค์กรภาคประชาชนที่สามารถผลิตอุปกรณ์ เช่น กายอุปกรณ์ เครื่องช่วยคนพิการ และสื่อส่งเสริมพัฒนาการ ที่เป็นชุดสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง 30 บาทอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตและใช้กันเองในหลายชุมชน
“หากส่งเสริมชุมชนต่างๆ ที่มีศักยภาพในการผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ได้ ก็น่าจะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางสุขภาพในด้านนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ได้ โดยประเด็นนี้ สปสช. ได้รับข้อเสนอเพื่อดำเนินการต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
SCOOP.NAEWNA@HOTMAIL.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี