ลดปัจจัยเสี่ยง! รู้เท่าทันอาการเตือน 'โรคหัวใจ' ควรส่งรักษาเร็วสุด 120 นาที

ลดปัจจัยเสี่ยง! รู้เท่าทันอาการเตือน 'โรคหัวใจ' ควรส่งรักษาเร็วสุด 120 นาที

วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 11.02 น.

กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก สร้างความตระหนักรู้สุขภาพด้านโรคหัวใจและทรวงอก แนะให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการป้องกันโรค ลดปัจจัยเสี่ยง รู้เท่าทันอาการเตือน ชี้ควรเข้าถึงการรักษาเร็วที่สุด ภายใน  120 นาที ช่วยลดอัตราการเสียชีวิต

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์  อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นสถาบันในระดับตติยภูมิ มีความเชี่ยวชาญด้านการรักษาโรคปอด โรคหัวใจและหลอดเลือดของประเทศไทย จากอดีตจนถึงปัจจุบันสถาบันโรคทรวงอกมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นับได้ว่าเป็นศูนย์กลางของโรคหัวใจหลอดเลือดและปอด ที่มีการนำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามารักษาผู้ป่วยเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ เพื่อการรักษาที่ได้คุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ จนเป็นแหล่งศึกษาดูงาน ฝึกอบรมของแพทย์ พยาบาลและสหวิชาชีพในระดับชาติและนานาชาติมาโดยตลอด  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการ “กระจายบริการทางการแพทย์ขั้นสูง สู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำ” ที่เป็นนโยบายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข


เนื่องด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้นๆของประเทศไทย โดยอาการของโรคนี้อาจแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล เช่น เจ็บหน้าอก จุกแน่นกลางอกหรือลิ้นปี่ เจ็บร้าวหัวไหล่ด้านซ้าย หรือไปกราม ใจสั่น เหงื่อแตก เป็นลม หมดสติ เป็นต้น  ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม โดยการเสียชีวิตส่วนใหญ่มักมีปัจจัยเสี่ยงจาก ระดับความดันโลหิตสูง ระดับไขมันในเลือดสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน การสูบบุหรี่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงมลพิษ ฝุ่น PM 2.5  เพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และเพื่อลดอัตราการตายของกล้ามเนื้อหัวใจและลดอัตราการเสียชีวิต หากพบว่ามีอาการเข้าได้กับโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือมีคลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติชนิด ST elevation (STEMI) ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์อย่างเร็วที่สุด เพื่อเปิดหลอดเลือดหัวใจด้วยให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือการขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านทางสายสวน  ภายในระยะเวลาที่เรียกว่านาทีทอง (Golden period)   120 นาทีหรือประมาณ 2 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มมีอาการช่วยลดอัตราการเสียชีวิต

นายแพทย์เอนก  กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์  กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูล THAI ACS REGISTRY ปี 2567 พบว่ามีผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (STEMI) 9,701 ราย  มีอัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลร้อยละ 9.07 อีกทั้งยังพบว่าผู้ป่วยมาโรงพยาบาลล่าช้าเกินกว่ากำหนด  และเพื่อสร้างความเข้าใจ ตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของโรค สถาบันโรคทรวงอกจึงขอให้ประชาชนทุกกลุ่มตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพหัวใจ เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ สามารถดูแลสุขภาพของตนเองและคนรอบข้างได้อย่างเหมาะสม  เพื่อสร้าง Health Literacy หรือความรอบรู้ด้านสุขภาพและชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องกันโรคลดปัจจัยเสี่ยง รู้เท่าทันอาการเตือน และสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วทันเวลาเป็นพื้นฐานของการดูแลสุขภาพในระยะยาวอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม เราสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ดังนี้ 1.บริโภคอาหารไขมันต่ำและอาหารที่มีกากใย 2.พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด  3.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 4.รักษาระดับความดันโลหิตให้เหมาะสมและลดการบริโภคเค็ม 5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 6.ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 7.หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี 8.งดสูบบุหรี่

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top