วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ด้วยลายมืออ่านง่ายข้างล่างนี้ แต่ไม่ทราบว่าลายมือของใคร ผมจึงต้องรีบเขียนบทความชิ้นนี้

และยังมีรูปบุคคลส่งมา ใต้ภาพมีคำดังนี้
.jpg)
ผมเองก็ไม่เกี่ยวกับคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญของสภาผู้แทนฯ และก็ไม่เกี่ยวกับลายมือข้างต้น แต่ก็ใคร่ขอแสดงออกมา ในฐานะพลเมืองไทย
คนหนึ่งว่า
ผมก็อยากแก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เหมือนกัน
ผมอยากให้แก้ไขนิดเดียว คือตัดหน้าที่ของ สส. หรือนักนิติบัญญัติ ไม่ให้มายุ่งกับอำนาจบริหาร คือไม่ให้มีอำนาจมาเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี และลงคะแนนรับรองคณะรัฐมนตรี
เพราะ สส. ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนปวงชนชาวไทยก็มีอำนาจล้นฟ้าอยู่แล้ว มีอำนาจออกกฎหมายบังคับใช้กับทุกองค์กร ทุกหน่วยงานและประชาชนทุกคน มีอำนาจอนุมัติ พ.ร.บ. งบประมาณ ฯลฯ แล้วยังจะเข้ามาใช้อำนาจบริหาร แทนปวงชนชาวไทยอีกด้วย ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และทุกฉบับที่ประเทศไทยมีมา
บ้านเมืองถึงได้เละตุ้มเป๊ะ อยู่จนทุกวันนี้ เพราะไม่เขียนรัฐธรรมนูญ ให้มีการคานอำนาจระหว่างกัน ตรวจสอบระหว่างกัน ถ่วงดุลกันอย่างเหมาะสม
ผมจึงขอเสนอออกมาดังๆ ว่า อยากให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ให้ สส. หรือนักนิติบัญญัติ มาเป็นผู้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และมาโหวตรับรองคณะรัฐมนตรีอีก
คือ ไม่ให้นายกรัฐมนตรี และ ครม. มีที่มาจาก สส. (นักนิติบัญญัติ) อีกต่อไป
แล้วจะโอนอำนาจนี้ไปให้ใครเล่า ผมก็ขอถามว่า เราอยากได้ใครเล่าเข้ามาบริหารบ้านเมือง
เราอยากได้ คนเก่ง (นักบริหารมืออาชีพที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ อันเป็นที่ประจักษ์) หรือ Professional Executive with proven success ซึ่งเป็นคนดี มาเป็นผู้บริหารประเทศไทยเสียที
การเขียนรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้นักบริหารมืออาชีพที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ อันเป็นที่ประจักษ์ ก็ไม่ใช่ของยาก เราสามารถเขียนเพื่อให้คนเหล่านี้ ซึ่งอยู่ในอาชีพต่างๆ ภาคธุรกิจ ภาคประชากิจ และภาครัฐกิจ ตามหลักเกณฑ์(Criteria) ที่กำหนด เข้ามาเป็นผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง (Electoral Body) ผู้เหมาะสมแต่ละแขนงอาชีพ รวมแล้วก็น่าจะได้หลายแสนคนเก่งอยู่ มาเป็นผู้เลือกตั้ง คนดี แต่ละแขนงอาชีพ แขนงละ 2-3 คน
จากนั้นเราก็จะได้คนเก่งที่เป็นคนดี จากอาชีพต่างๆ จากภาคธุรกิจ ภาคประชากิจ และภาครัฐกิจ มา 6-9 คน เพื่อให้มาสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะฟอร์มทีมของตนมาเสนอ คณะผู้ลงคะแนน เลือกตั้งหัวหน้าฝ่ายบริหาร (Electoral Body of the chief Executive Power) ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ จากอาชีพต่างๆ ทั้ง 3 แขนง ซึ่งเขาเหล่านี้ จะรู้ดีกันว่า ใครเป็นคนดีหรือคนชั่วอย่างไร
ประเทศก็จะได้ นักบริหารมืออาชีพ ที่เป็นคนดี เข้ามาบริหารบ้านเมืองกันเสียที ให้เข้ากับพระราโชบายของ “พ่อ” ของเรา ที่ขอให้ช่วยกันส่งเสริมคนดีให้เข้ามาปกครองบ้านเมือง
อาจมีผู้ถามว่า แล้วประชาชนอยู่ที่ไหนล่ะ
ประชาชนทั่วไป ก็เลือก สส. (หรือนักนิติบัญญัติ) เป็นตัวแทน มาใช้อำนาจนิติบัญญัติแล้ว
ประชาชนที่อยากเป็นตัวแทนใช้อำนาจตุลาการก็ต้องไปเรียนกฎหมาย ทำงานมีประสบการณ์ด้านกฎหมายตามหลักเกณฑ์ เพื่อสอบแข่งขันเข้าเป็นนักตุลาการผ่านการคัดเลือก กลั่นกรอง อบรม จนได้เป็นตุลาการ ได้เท่าเทียมกัน
เมื่อประชาชนคนใด อยากมาใช้อำนาจบริหารบ้าง ก็ต้องไปมีอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ใน 3 แขนงใหญ่ๆ เหล่านี้ก่อน จนตนเองมีความรู้ความสามารถ กลายเป็นนักบริหารมืออาชีพ ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ อันเป็นที่ประจักษ์ ว่าจะสามารถบริหารประเทศไทยได้ จึงจะเข้ามาเป็นผู้เลือก นรม. หรือเป็นผู้สมัครเป็น นรม.
ก็ไม่ผิดอะไรกับการเข้าสู่อำนาจตุลาการ
ผมจึงขอฝากไปถึงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่สภาเพิ่งลงมติไปเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าผมอยากแก้รัฐธรรมนูญเหมือนท่าน แต่ขอให้ตัดอำนาจของท่าน (สส. หรือนักนิติบัญญัติ) ที่เข้ามาวุ่นวายกับฝ่ายบริหาร จนมากลายเป็นนักธุรกิจการเมือง เสียจะได้ไหม
สำเภาประเทศไทย จะได้ตามเกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ได้ รวมทั้งเวียดนาม ซึ่งเริ่มนำเราออกไปแล้ว
ดีกว่าไปนั่งแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคของตนได้เข้ามาบริหารบ้านเมืองเสียเอง
มิฉะนั้น ประเทศไทยก็จะยังคงพายเรือ ในอ่างอยู่ต่อไป จนถึงศตวรรษหน้า
ศิริภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี